5 วิธีประหยัดเงินง่ายๆฉบับวัยทำงาน
บ่อยครั้งที่เราใช้เงินหมดไปเพื่อแลกกับความสะดวกสบายและสนองกิเลสของตัวเอง แต่หากลองนึกดูให้ดีมีเงินจำนวนมิใช่น้อยที่เราเสียไปโดยไม่จำเป็น เช่น ค่าบริการวินมอเตอร์ไซค์ เพราะว่าใกล้แค่นี้ 10 บาทเอง การกดเงินต่างธนาคารเพียงเพราะตู้ ATM ที่ให้บริการต่างธนาคารอยู่ใกล้และสะดวกกว่า และการจ่ายค่าโทรศัพท์มือถือผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือทำได้ง่ายและสะดวกรวดเร็วไม่ต้องไปเสียเวลายืนต่อคิวที่ศูนย์ให้บริการของค่ายมือถือ แต่ต้องแลกมาด้วยค่าบริการ10 ถึง 20 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร หากลองนำเงินจำนวนนั้นที่ต้องเสียไปเป็นประจำมานับรวมกันใน 1 เดือนก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
วันนี้ จะมานำเสนอ 5 วิธีประหยัดเงินง่ายๆฉบับวัยทำงาน
1. อดทนหน่อยเพื่อร่างกายที่แข็งแรง
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการเดินคือการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุดไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรเลย การที่เรานั่งวินมอเตอร์ไซด์รับจ้างเข้าซอย หรือนั่งไปเพื่อต่อ BTS แทนการเดินเท้า เพราะคิดว่าง่ายและสบายกว่าไม่ต้องเดินให้เมื่อย ราคาก็ไม่ได้อะไรมากแค่ 10-15 บาทเอง แต่หากลองคิดอีกด้าน เราต้องจ่ายค่าวินมอเตอร์ไซด์รับจาก 2 เที่ยวต่อไปคือขาไปและขากลับ ต่อวันก็ตกเป็นเงิน 20-30 บาท คิดเป็นเดือนก็เป็นเงิน 400- 500 บาทแล้ว ลองเปลี่ยนมาเป็นการเดินดูบ้างจะได้ออกกำลังกายแถมยังประหยัดเงินได้อีกด้วย
2. ค่าธรรมเนียมตัวการร้ายสำหรับกระเป๋าเงิน
ในหนึ่งเดือนลองคิดดูดีๆเราเสียค่าธรรมเนียมอะไรไปบ้าง เช่น ค่าธรรมเนียมกดเงินต่างธนาคาร ค่าธรรมเนียมการโอนเงิน ค่าธรรมเนียมจ่ายค่าโทรศัพท์ผ่านแอพพลิเคชั่น ค่าบริการต่างๆล้วนแต่ถูกมองว่าเป็นเงินจำนวนเล็กน้อย แต่หากรวมกันแล้วก็ตกเป็นหลักร้อยได้เช่นกัน
3. แพคเกจค่าโทรศัพท์รายเดือน
ค่าแพคเกจโทรศัพท์รายเดือนส่วนใหญ่ที่ใช้อยู่นั้นจะมาพร้อมกับตอนที่เราซื้อโทรศัพท์ ยกตัวอย่างเช่น ใช้แพคเกจรายเดือน A 1 ปี จะได้ส่วนลด 3,000 บาท ในการซื้อโทรศัพท์ ซึ่งราคาแพคเกจรายเดือนนั้นราคาค่อนข้างสูงเมื่อนำมาเทียบกับการใช้งานจริงๆ และเมื่อใช้ไปเป็นเวลานานๆ เราก็จะลืมว่าจริงๆแล้วเราเสียค่าบริการรายเดือนที่ค่อนข้างสูง ส่วนมากเลือกที่จะใช้บริการต่อไปเพราะไม่อยากทำเรื่องเปลี่ยนแพคเกจให้เสียเวลา ลองหันมาเลือกแพคเกจที่เหมาะกับการใช้งานจริงๆของเราดีกว่า ซึ่งจริงๆแล้วทำได้ง่ายมากแถมยังประหยัดเงินในกระเป๋าเราได้อีกด้วย
4. มื้อค่ำแสนสำคัญ
อาหารมื้อค่ำนั้นเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของวัน บางคนติดการรับประทานอาหารตามร้านอาหารในห้างเพราะให้ทั้งความสะดวกและสบาย อาหารมื้อค่ำส่วนใหญ่จึงกลายเป็นอาหารมื้อหนัก แถมมีราคาค่อนข้างสูง บางครั้งทานอาหารคาวเสร็จก็ต้องเดินหาร้านขนมตามห้างซึ่งมีเรียงรายอยู่เต็มไปหมดตบท้ายมื้อเย็นซึ่งเป็นมื้อหนักอยู่แล้วเข้าไปอีก และส่งผลให้อ้วนอีกด้วย ลองหันมารับประทานอาหารง่ายๆตามร้านตามสั่งดูบ้าง ก็จะทำให้เราประหยัดเงินได้อีกเช่นกัน
5. คิดสักนิดก่อนเข้าฟิตเนส
เสียค่าอาหารในการกินไปไม่เท่าไหร่ ต้องมาลำบากเสียค่าคอร์สฟิตเนสรายเดือนอีก เพื่อแลกกับการรักษารูปร่างให้สมดุล บางครั้งเราซื้อคอร์สรายเดือนเพราะคิดว่าจะต้องมาฟิตเนสได้ทุกๆวันอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงก็จะมีเหตุผลมากมายในการบ่ายเบี่ยงที่จะมา เช่น ความขี้เกียจ หรือประโยคยอดฮิต ” พรุ่งนี้ค่อยลด” มาเป็นอุปสรรคอยู่เสมอ ลองเปลี่ยนมาเป็นเก็บเงินที่ต้องเสียกับค่าคอร์สฟิตเนสนั้นทุกๆเดือนไว้ และหันไปออกกำลังกายตามสวนสาธารณะดีกว่าไม่เสียเงินแถมยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าตัวการหลักที่เป็นต้นเหตุในการฟุ่มเฟือยต่างๆก็คือตัวเรานั่นเอง ซึ่งส่วนใหญ่ชอบความสะดวกสบายเป็นหลัก และมักมองข้ามค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆไปเสมอ แต่หากนำค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆในส่วนนั้นที่เราต้องเสียไปมารวมกันดูใน1 เดือนก็เป็นรายจ่ายที่ค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร ฉะนั้นลองปรับเปลี่ยนวิธีการใช้เงินเสียใหม่ นำเงินส่วนนี้มาเก็บออมก็จะช่วยสร้างอนาคตที่มั่นคงให้ตัวคุณอีกด้วย
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : TerraBKK.com