7 ข้อปกป้องคุณจากการ “ขโมยข้อมูลส่วนตัว” เวลาไปเที่ยวต่างประเทศ!
ในศตวรรษที่ 21 นี้ เพื่อนๆ อาจจะพอได้ยินข่าวคราวบนโลกออนไลน์มาบ้างนะครับว่าพวกมิจฉาชีพต่างมีเทคนิคต่างๆ มากมาย ในการ “ขโมยข้อมูล” ของเราเพื่อนำไปหาประโยชน์ต่างๆ นานา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เราไปเที่ยวต่างประเทศ ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่เราควรระวังมากที่สุดครับ วันนี้เราจึงขอรวบรวมเอาเคล็ดลับดีๆ 7 ข้อ ในการระวังตัวเราเองจากการถูก “ขโมยข้อมูล” เวลาไปเที่ยวต่างประเทศมาฝากกันครับ มาดูกันว่า จะมีเคล็ดลับอะไรกันบ้าง
1. ไม่พกเอกสารสำคัญเกี่ยวกับตัวเราทุกอย่างเวลาออกเที่ยว
เวลาไปเที่ยวต่างประเทศนั้น โดยเฉพาะหากคุณเดินทางไปในที่ที่คนเยอะ และเสี่ยงต่อการโดยล้วงกระเป๋านั้น คุณไม่จำเป็นต้องพกเอกสารส่วนตัวที่สำคัญๆ ทุกอย่างนะครับ ไม่ว่าจะเป็นใบขับขี่ บัตรประชาชน สมุดธนาคาร (ถ้ามี) สมุดเช็ค (ถ้ามี) เป็นต้น สิ่งที่คุณควรพกพาไปด้วยเวลาไปเที่ยวนั้น นอกจากเงิน บัตรเครดิต ก็มีหนังสือเดินทาง ก็เป็นสิ่งที่เพียงพอแล้วครับ ส่วนเอกสารอื่นๆ ที่ระบุข้อมูลส่วนตัวของคุณ ให้เก็บไว้ในตู้เซฟของโรงแรม หรือกระเป๋าเดินทางที่มีตัวล็อกแบบมาตรฐาน จะดีที่สุดครับ
2. อย่าประมาท ปกป้องเอกสารของคุณให้ดีที่สุด
อาจฟังดูว่าเป็นคำแนะนำที่ธรรมดาๆ แต่หลายๆ ครั้งที่มีเคสเอกสารหาย ก็เพราะว่า บางคนประมาทเกินไปครับ วางเอกสารกองไว้ในโรงแรมแบบไม่ดูแลเท่าไหร่นัก จนทำให้เอกสารถูกขโมยไปได้ง่ายๆ ในขณะเดียวกัน คนที่เก็บเอกสารสำคัญไว้ในตู้เซฟเสมอ กระเป๋าที่ล็อกได้ หรือบางคนที่จำเป็นต้องนอนโฮสเทล ที่ไม่มีที่ล็อก ก็ใส่เอกสารไว้ในกระเป๋าเข็มขัดรัดอยู่กับตัวตลอด ก็จะเป็นการปกป้องได้ดีขึ้นไปอีกครับ
3. หลีกเลี่ยงการส่งต่อข้อมูลส่วนตัว และทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะให้มากที่สุด
WiFi สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ จะมีความเสี่ยงต่อการแฮ็กข้อมูลส่วนตัวมากที่สุด เพราะฉะนั้น คุณควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด ในการส่งข้อมูลสำคัญๆ หรือการทำธุรกรรมทางการเงินครับ อย่างไรก็ตาม หากคุณจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องใช้อินเทอร์เน็ตในกานส่งข้อมูลนั้น ให้เช็คดูว่า เว็บไซต์ที่คุณกำลังจะทำการส่งข้อมูลนั้น เป็น https:// หรือไม่ เพราะ S มาจาก Secure ที่สามารถปกป้องข้อมูลของคุณจากการแฮ็กได้ แต่ถ้าเป็น http:// อย่างเดียว จะไม่สามารถปกป้องได้นั่นเอง
4. ลบ Cookies และ Browsing History ทั้งหมด หากใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะ
หากคุณจำต้องใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะ ของโรงแรม หรือตามร้านอินเทอร์เน็ต ก่อนออกจากร้านลบ Cookies และ Browsing History ทั้งหมดออก คือสิ่งที่ต้องทำครับ เพราะเครื่องหลายๆ เครื่อง ตั้งค่าอัตโนมัติในการล็อกอินเว็บต่างๆ ไว้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นอีเมล์ หรือเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ อาทิ Facebook, Twitter เป็นต้น โดยขั้นตอนการลบส่วนมาก ให้คุณเข้าไปที่ “การตั้งค่า” ของเว็บบราวเซอร์ต่างๆ ครับ จะมีปุ่มให้กดลบ History นั่นเอง
5. หากต้องตอบอีเมล์งาน ให้ใช้ Account อื่นที่ไม่ใช่ Account ของบริษัท
แม้คุณจะตั้งใจว่า ไปเที่ยวทั้งที จะไม่ตอบอีเมล์ทำงาน แต่บางครั้ง ก็ห้ามไม่ได้นะครับ หากมีเรื่องเร่งด่วน ก็ต้องตอบ แต่การล็อกอินจากเมืองนอก เข้าไปยัง Account ของบริษัท อาจจะเป็นเรื่องที่อันตราย หากมีการขโมยข้อมูลของคุณนะครับ คำแนะนำก็คือ ให้ใช้อีเมล์ส่วนตัว หรืออีเมล์ที่คุณตั้งขึ้นมาเฉพาะเวลาไปเที่ยว ในการตอบครับ เพราะจะเสี่ยงน้อยกว่า ในการโดนแฮ็กข้อมูลนั่นเอง
6. หากต้องกดเงิน ให้กดจากตู้ในธนาคารสาขาใหญ่ๆ เท่านั้น
สิ่งหนึ่งที่แก๊งมิจฉาชีพชอบทำคือ การติดตัวอ่านข้อมูลบัตรไว้ตามตู้ ATMs ครับ เพราะฉะนั้น หากคุณมีความจำเป็นที่จะต้องกดเงินสดจริงๆ ให้เลือกกดจากตู้ ATMs ตามสาขาธนาคารใหญ่ๆ แทนที่จะกดตามตู้ที่อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ หรือในตลาดครับ เพราะตู้ตามธนาคารจะมียามเฝ้าตลอดเวลา และปลอดภัยจากการที่จะมีกลุ่มมิจฉาชีพ มาดัดแปลงตู้ และแอบติดแถบแม่เหล็กอ่านข้อมูลนั่นเอง
7. เช็ค Statement บัตรเครดิตอยู่เสมอ
หากคุณอยู่ที่บ้านเพื่อนที่มี WiFi ที่ปลอดภัย หรือต่อกับสัญญาณอินเทอร์เน็ตแบบ 3G/4G ที่มักจะปลอดภัยกว่าอินเทอร์เน็ต WiFi สาธารณะนั้น พยายามเข้าไปตรวจสอบการใช้บัตรเครดิตของคุณอยู่ในเรื่อยๆ นะครับ เพราะอย่างน้อย หากเกิดอะไรที่ผิดปกติขึ้น คุณก็จะรู้ทันที และจะได้แจ้งธนาคาร และตำรวจได้ทันนั่นเองครับ
สุดท้ายนี้ ขอให้เพื่อนๆ เที่ยวเมืองนอกอย่างสนุก และปลอดภัยจากการถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวนะครับ อย่างน้อยหากเพื่อนๆ ทำตามเคล็ดลับทั้งหมด 7 ข้อนี้ ก็น่าจะช่วยเพื่อนๆ ปกป้องข้อมูลส่วนตัวได้มากเลยทีเดียว