คลังดันยาสูบเป็นนิติบุคคลรับมือตลาดแข่งดุ
คลังดันโรงงานยาสูบเป็นนิติบุคคลรับมือแข่งเสรี ยืนยันไม่ใช่แปรรูปรัฐวิสาหกิจ พร้อมทุ่มงบ 1.7 หมื่นล้านบาท ขึ้นโรงงานใหม่
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โรงงานยาสูบอยู่ระหว่างการปรับองค์กรให้เป็นนิติบุคคล โดยมีกระทรวงการคลังถือหุ้น 100% ตามเดิม ทั้งนี้เป็นการปรับตัวขององค์กรเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ปัจจบัน และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินกิจการต่างๆ
ด้าน จันทิมา สิริแสงทักษิณ ประธานกรรมการอำนวยการโรงงานยาสูบ กล่าวเสริมว่า การปรับองค์กรสู่การเป็นนิติบุคคล สาเหตุหลักมาจากการการเปิดเสรีการแข่งขัน ทำให้การแข่งขันตลาดบุหรี่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของโรงงานยาสูบลดลงจาก 85% เหลือเพียง 70% ในปัจจุบัน
"หากเราไม่เร่งปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มขีดสามารถในการแข่งขัน ส่วนแบ่งตลาดก็จะลดลงมากขึ้น ขณะที่ หลายประเทศทั่วโลก เช่นประเทศไอแลนด์ ก็ได้ขายโรงงานยาสูบให้เอกชน เพราะไม่สามารถต่อสู้กับบริษัทบุหรี่ข้ามชาติได้ แต่ขอยืนยันว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้ไม่ใช่การแปรรูป"
นางจันทิมา กล่าวว่า บริษัทบุหรี่ยักษ์ใหญ่ในโลกมีแนวโน้มลดลง โดยปัจจุบันเหลือเพียง ฟิลลิปมอร์ริส เจแปนโทแบคโค บีเอที และอิมพีเรียล จึงจำเป็นที่โรงงานยาสูบจะต้องปรับโครงสร้างภายใน เพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน โดยต้องเพิ่มความสำคัญในการบริหารจัดการต้นทุนให้น้อยลง พัฒนาการตลาด และคุณภาพของสินค้า โดยเฉพาะใบยาสูบ ที่ต้องผลิตไม่ให้มีสารตกค้าง เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งได้
ทั้งนี้ โรงงานยาสูบอยู่ระหว่างการเตรียมก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ คาดว่า จะเริ่มต้นก่อสร้างได้ประมาณปีหน้า มูลค่าโครงการอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท มีกำลังการผลิตถึง 3 หมื่นล้านมวนต่อปี
สำหรับเป้าหมายผลการดำเนิน งานของโรงงานยาสูบในปีนี้ ตั้งเป้ายอดขายให้ได้ 28,800 ล้านมวน แต่คาดว่า จะต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 5% ขณะที่รายได้สิ้นปีประมาณ 43,000 ล้านบาท