เคล็ดลับความสำเร็จของ Airbnb
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ 10 ปีก่อน ณ นครซานฟรานซิสโก ช่วงที่มีงานประชุมด้านการออกแบบและเหล่าดีไซเนอร์จากทุกสารทิศมาร่วมงานจำนวนมาก โรงแรมถูกจองเต็มหมด โจ เก๊บเบีย และ ไบรอัน เชสกี้ เพื่อนนักศึกษาร่วมสถาบันโรดไอแลนด์ สกูล ออฟ ดีไซน์และรูมเมทเกิดปิ๊งส์ไอเดียแบ่งพื้นที่อพาร์ตเมนต์ให้เช่าค้างคืนชั่วคราวเพื่อหาเงินเนื่องจากกำลังถังแตก ทั้งคู่อาศัยการเป็นดีไซเนอร์ ออกแบบเว็บไซต์เอง และลงประกาศให้เช่าที่พักประกอบด้วยที่นอนลม 3 หลังพร้อมอาหารเช้าสไตล์โฮมเมดในราคาคืนละ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เว็บ www.airbedandbreakfast.com
มีลูกค้าจำนวนหนึ่งติดต่อขอเช่าที่พัก สร้างรายได้เกือบพันดอลลาร์ฯ ทั้งคู่เริ่มมองเห็นลู่ทางทำเงินจากสิ่งที่มีอยู่ ในรูปแบบของ Sharing Economy ประกอบกับมีผู้ใช้เว็บไซต์จำนวนหนึ่งสอบถามเข้ามาว่าบริการแชร์ที่พักแบบนี้ในเมืองอื่น ประเทศอื่นมีหรือไม่ โจและไบรอัน จึงชักชวน นาธาน บลีชาร์คไซค์ วิศวะคอมพิวเตอร์ อดีตแฟลตเมทของโจมาร่วมพัฒนาเว็บไซต์เพื่อเป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างเจ้าของห้องพัก และผู้เข้าพัก
ฤดูร้อนปี 2551 การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น บารัก โอบามา มีกำหนดปราศรัยในงานประชุมพรรคเดโมแครตที่เมืองเดนเวอร์ มีการคาดการณ์จะมีสมาชิกกว่า 8 หมื่นคนมาร่วมฟัง แน่นอนโรงแรมไม่น่าจะพอ สามหนุ่มออกแบบเว็บไซต์ทันเวลา พร้อมใช้งาน 2 สัปดาห์ก่อนการประชุมเริ่มขึ้น ภายในสัปดาห์เดียวมีรายชื่อที่พักให้จอง 800 รายชื่อ แต่พวกเขามองว่ารายได้ก็ยังไม่เป็นกอบเป็นกำนัก
เพื่อให้เข้ากับกระแสการเลือกตั้ง หุ้นส่วนทั้ง 3 ไปเหมาซื้อซีเรียลจำนวนมากและออกแบบแพ็กเกจใหม่เป็น 2 แบรนด์ แบรนด์หนึ่งสำหรับผู้สนับสนุนโอบามา อีกแบรนด์สำหรับผู้สนับสนุน จอห์น แมคเคน คู่แข่งโอบามา วางขายในราคากล่องละ 40 ดอลลาร์ฯ ปรากฏขายดีมาก ทำเงินกว่า 30,000 ดอลลาร์ฯ เงินก้อนนี้ถูกนำมาพัฒนาธุรกิจช่วงที่พวกเขาต้องดิ้นรนนำเสนอไอเดียเพื่อหาผู้สนใจมาร่วมทุน
ความพยายามที่จะหา Angel Investor หรือนักลงทุนอิสระมาสนับสนุนทางการเงินล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง 15 นักลงทุนที่ทีม Airbnb ติดต่อเข้าไป 8 รายปฏิเสธการลงทุน ขณะที่ 7 รายไม่ให้ความสนใจแม้แต่น้อย ต่างมองว่าการให้เช่าที่พักแบบนี้เป็นตลาดที่แคบเกินไป และเมื่อลองเซิร์ชชื่อบริษัทบนอินเทอร์เน็ต ก็กลายเป็นว่าอยู่ในหมวดที่นอนลม (Air Bed) ไปเสียนี่
ปี 2552 โชคเข้าข้างเมื่อ พอล แกรห์ม ผู้บริหาร Y Combinator บริษัทบ่มเพาะธุรกิจชื่อดังของสหรัฐฯ สนใจ และชักชวน โจ ไบรอัน และ นาธาน (ที่ต่อมาเปลี่ยนชื่อธุรกิจเป็น Airbnb เพื่อป้องกันความสับสน) เข้าร่วมโครงการอบรมผู้ประกอบการหน้าใหม่ พร้อมให้เงินทุนสนับสนุนเบื้องต้น 20,000 ดอลลาร์ฯ
ตลอด 3 เดือนที่อยู่ในโครงการ พวกเขาเรียนรู้กลยุทธ์ต่างๆ ในการทำธุรกิจ มองเห็นจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเอง และนำความรู้นั้นมาปรับใช้ ท้ายที่สุดก็ได้เงินทุนก้อนแรก 6 แสนเดอลลาร์ฯ และยอดจองห้องพักก็เพิ่มขึ้นจนสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ปีถัดมา ได้รับเงินสนับสนุนจาก VC (Venture Capitalist) อีก 7.2 ล้านดอลลาร์ฯ ต่อมาปี 2554 ถือเป็นปีทองของ Airbnb นอกจาก แอชตัน คุชเชอร์ นักแสดงฮอลลีวู้ดชื่อดังหอบเงินมาร่วมลงทุนพร้อมกับนั่งเก้าอี้ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ให้ Airbnb ยังได้ทุนก้อนโตจาก VC อีกรายสูงถึง 112 ล้านดอลลาร์ฯ
ช่วงปี 2554-2555 ธุรกิจ Airbnb เติบโตถึง 400 เปอร์เซ็นต์ ยอดจองที่พักค่อยๆ ไต่จาก 1 ล้าน 5 ล้าน และ 10 ล้านยอดจองต่อคืนในปัจจุบัน ส่งผลให้มูลค่าบริษัท Airbnb ทะยานพุ่งเป็น 25,000 ล้านดอลลาร์ฯ รายได้ของบริษัทมาจากการหักค่าธรรมเนียมเจ้าของที่พัก 3 เปอร์เซ็นต์ และจากผู้จองที่พัก 6-12 เปอร์เซ็นต์เว็บไซต์แห่งนี้ขึ้นแท่นตลาดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในการให้เช่าที่พัก
การกำเนิดของ Airbnb ชี้ให้เห็นถึงกระแสที่กำลังเติบโตของระบบธุรกิจแบบ Sharing Economy ปัจจุบัน Airbnb มีรายชื่อที่พักกว่า 2 ล้านแห่ง ปราสาทอีก 1,400 กว่าแห่งใน 34,000 เมือง 192 ประเทศทั่วโลก โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา มีลูกค้าใช้บริการแล้วไม่ต่ำกว่า 60 ล้านคน
แต่กว่าจะผ่านไปถึงจุดนั้นได้ ผู้บริหารทั้ง 3 ของ Airbnb ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ โดยสิ่งที่ทำให้ Airbnb ก้าวมาถึงทุกวันนี้ได้ อย่างหนึ่งต้องนับถือคือความเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของ โจ ไบรอัน และ นาธาน และความแน่วแน่ในการอดทนทำธุรกิจไม่ละทิ้งกลางครัน นอกจากนั้น ชวงเวลาในการตั้งต้นธุรกิจก็ถือว่าเป็นจังหวะดีเพราะเป็นช่วงที่ Sharing Economy กำลังเป็นกระแส และเป็นแนวคิดที่โดนใจกลุ่มคนหนุ่มสาวผู้คุ้นเคยกับวัฒนธรรมการแชร์หนังสือ เพลง และภาพยนตร์ทางออนไลน์อยู่แล้ว โจกล่าวว่า “เหมือนช่วยให้ผู้คนได้ใช้ประโยชน์มากขึ้นในพื้นที่หรือทรัพยากรที่มีอยู่ นอกจากนั้น ยังเป็นการเชื่อมโยงผู้คนทั่วโลกเข้าด้วยกัน”
โจยังบอกอีกว่า ไม่ใช่แค่ที่ไว้ซุกหัวนอน สิ่งที่นักเดินทางชอบใจเกี่ยวกับไอเดียการแบ่งพื้นที่ส่วนตัวให้เช่าคือเหมือนได้ไปพักบ้านเพื่อน บ้านญาติ ให้ความรู้สึกต่างจากพักโรงแรม มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันมากขึ้น เจ้าของบ้านที่เป็นคนพื้นถิ่นนั้นๆ สามารถแนะนำที่กิน ที่เที่ยว และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ ที่สำคัญอัตราค่าที่พักแบบนี้ยังถูกกว่าเช่าโรงแรมราว 30-80 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
แน่นอนว่า การดำเนินธุรกิจโดยส่วนใหญ่น้อยนักที่จะราบรื่นไร้ขวากหนาม Airbnb ก็เช่นกัน แม้จะเผชิญกับความปวดเศียรเวียนเกล้าเกี่ยวกับข้อบทกฎหมายของแต่ละที่ เช่น การปล่อยเช่าที่พักโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องผิดกฎหมายในหลายเมืองและเจ้าของที่พักอาจถูกปรับ อย่างไรก็ตาม ทั้งโจ ไบรอัน และ นาธาน ต่างพยายามสะสางปัญหาและเดินหน้าปั้น Airbnb ให้เป็นศูนย์รวมให้เช่าที่พักทางออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดสำหรับนักเดินทางต่อไป
TEXT : Vim