25 ปี พอร์ตหุ้นบัฟเฟตต์ เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ..?
วอเร็น บัฟเฟตต์ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นด้วยกลยุทธ์ "ซื้อ และ ถือ" แต่นั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าความสำเร็จของผู้ชายคนนี้อาจจะไม่ได้เป็นการซื้อและถือตลอดไปก็ได้
เรามาดูกันว่าพอร์ตโฟลิโอของ Berkshire Hathaway ที่ถือเป็นสัดส่วนมากที่สุดตลอดระยะเวลา 25 ปีจะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน คุณอาจจะแปลกใจก็ได้ว่าหุ้นที่เขาถือในปี 1992 จะยังคงอยู่จนถึงปี 2017 ใครจะบ้าถือได้นานขนาดนั้น ?
บัฟเฟตต์ถืออะไรบ้างในปี 1992
ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นปี 1992 ระบุว่าบัฟเฟตต์ถือหุ้นเพื่อการลงทุนที่เขาสัมผัสได้ในชีวิตประจำวัน และหุ้นของเขามีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ นี้เป็นหุ้นที่สัดส่วนถือเยอะที่สุดครับ ..
พอร์ตหุ้นของเบิร์กไซด์ฮาธาเวย์ ปี 1992
(ที่มาภาพ : Berkshire Hathaway 1992 Chairman's Letter เรียงเรียงโดย The Motley Fool)
แล้วบัฟเฟตต์ถือหุ้นอะไรในปี 2017
ตั้งแต่ปี 1992 มูลค่า Market Cap. ของ Berkshire Hathaway เพิ่มสูงถึง 2,300% และพอร์ตการลงทุนก็เติบโตขึ้นมาก ในปัจจุบัน Berkshire Hathaway ถือหุ้นอยู่ 39 ตัว และนี้คือหุ้น 9 อันดับแรกในพอร์ตของ Berkshire Hathaway ครับ ซึ่งผ่านมาแล้วมากกว่า 3 ทศวรรษ
พอร์ตหุ้นของเบิร์กไซด์ฮาธาเวย์ ไตรมาส 3 ปี 2016
(ที่มาภาพ : CNBC Berkshire Hathaway Portfolio Tracker)
เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นของบัฟเฟตต์ในปี 1992
ถ้าคุณสังเกตเห็น มันจะมีหุ้นบางตัวที่เหมือนกันอยู่ อย่าง Coca-Cola และ Wells Fargo ที่บัฟเฟตต์ยังถืออยู่ทุกวันนี้ บริษัทประกัน GEICO ก็ถูกรวมกับเบิร์กไซด์อย่างสมบูรณ์แบบในปี 1992 อย่างไรก็ตาม มีหุ้นมากกว่า 2 ใน 3 ที่เปลี่ยนแปลงไป มันเกิดอะไรขึ้น .. ?
- Capital Cities/ABC, Inc ถูกซื้อโดยบริษัท Walt Disney Company ในปี 1996
- บริษัทมีดโกนหนวดอย่าง Gillette Company ถูกซื้อไปโดย Procter & Gamble ในปี 2005 แต่เบิร์กไซด์ยังถืออยู่จำนวนเล็กน้อยเท่านั้น ต่อมาก็ขายออกจากพอร์ตโฟลิโอให้กับ Procter & Gamble ทั้งหมด
- การลงทุนใน Freddie Mac เบิร์กไซด์ถือสัดส่วนอยู่ 9% และตัดสินใจขายมันออกไปในปี 2000 ด้วยเหตุผลที่ว่า บริษัทมีความเสี่ยงมากเกินไป ..
- General Dynamics ยังคงซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ปัจจุบัน มันถูกขายออกไปในปี 2013 ในพอร์ตของ Berkshire ใ
- ธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์อย่าง The Washington Post ถูกซื้อไปโดย Amazon.com โดย CEO Jeff Bezos ในปี 2013 และนั้นถือเป็นหุ้นตัวสุดท้ายที่อยู่ใน Graham Holdings
- Guinness PLC ถูกควบรวมกิจการกับ Grand Metropolitan ในปี 1997 และเปลี่ยนชื่อเป็น Diageo อย่างไรก็ตาม บัฟเฟตต์ก็ไม่ได้ลงทุนในหุ้นบรฺษัทนี้อีกเลย
บทเรียนที่เราได้จากเหตุการณ์เหล่านี้
ครั้งหนึ่ง บัฟเฟตต์เคยกล่าวเอาไว้ว่า "ระยะเวลาการถือของเรานั้นคือตลอดไป" (our favorite holding period is forever) และดูจากการขยับพอร์ตของ Berkshire มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ คือเน้นที่การถือ ไม่ใช่การซื้อขายระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม การมองดูพอร์ตของบัฟเฟตต์นั้น สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ มันมีเหตุผลมากพอที่จะขาย
ใช่แล้วครับ เหตุผลที่ดีที่สุดที่ใช้สำหรับการขายหุ้น คือ การกลับไปมองเหตุผลเดิมของคุณในการเข้าซื้อหุ้นตัวนี้ว่าคุณลงทุนและซื้อมันด้วยเหตุผลอะไร และปัจจุบันนี้เหตุผลนั้นยังคงอยู่หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเป้าหมายบริษัทหรือมีการเปลี่ยนทีมผู้บริหารที่มีมุมมองไม่สอดคล้องกับเรา เรื่องเหล่านี้เป็นเหตุผลที่คุณควรจะขายหุ้นเหล่านั้น อย่างเช่นในเรื่องของ Freddie Mac ที่บัฟเฟตต์มองว่าทีมผู้บริหารชุดใหม่เริ่มมีทีท่าในการสร้างพอร์ตสินเชื่อที่ดุดัน (Aggressive) มากเกินไป และรับความเสี่ยงที่มากเพื่อสร้างผลกำไรให้ผู้ถือหุ้นเป็นที่น่าพอใจ จนบัฟเฟตต์บอกว่า "เมื่อผมมองดูแล้ว ผมคิดว่าผมไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่"
ในทางเดียวกัน บริษัทที่ยังคงเป็นบริษัทที่ดีอยู่ บัฟเฟตต์ก็ยังคงถือมันไว้ไม่ว่าจะผ่านมาแล้วกี่ปีก็ตามอย่างเช่นหุ้นดีอย่าง Coca-Cola และ Wells Fargo ที่ยังถือในสัดส่วนที่สูงมาก
สุดท้ายแล้ว หลังจากที่คุณซื้อหุ้น ไม่ว่าจะถือนานแค่ไหน สิ่งที่จะทำให้คุณเปลี่ยนมุมมองได้นั้น คือ การทำให้ตัวเองติดอยู่กับการลงทุน เกาะติดอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะบริษัทที่เราลงทุนด้วยแล้ว เหมือนอย่างที่บัฟเฟตต์ทำกับการลงทุนของเขายังไงละครับ ...
แปลจากบทความ Here's what Warren Buffett's portfolio looked like 25 years ago
ผู้เขียน Matthew Frankel, The Motley Fool
จากทีม Content : stock2morrow