แนวทางปลดหนี้ ที่คอนเฟิร์มว่าได้ผลจริง!!
“จ่ายขั้นต่ำต่อเดือนเกิน 40% ของรายได้ – เริ่มกู้หนี้มาเพื่อชําระหนี้” ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็น สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกําลังขุดหลุมฝังตัวเองอยู่ทั้งสิ้น และคุณไม่มีทางชําระหนี้ได้หมดง่าย ๆ แน่ หากยังคงขยันก่อหนี้เพิ่มอยู่ตลอดเวลา หลายคนอาจคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องยากหากคิดจะปลดหนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน แต่เมื่อที่คุณรู้ตัวว่ากําลังตกอยู่ในบ่อหนี้ สิ่งแรกที่คุณควรทําคือ การหยุดสร้างหนี้ และตั้งสติให้ดี เพราะไม่งั้นอาจทําให้คุณจมลงไปลึกกว่าเดิมวันนี้เราจึงนำ แนวทางปลดหนี้ ที่ได้ผลจริง มาให้คุณได้ไปลองทำตามกันดูค่ะ
หยุดก่อหนี้เพิ่ม
การตัดสินใจ “หยุด” ที่ว่านี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สําหรับคนที่เสพติดการเป็นหนี้ไปแล้ว แล้วอย่างไรที่จะเรียกว่า “เสพติด” การเป็นหนี้ ดูง่าย ๆ ค่ะ ลองสังเกตเวลาที่เงินไม่พอใช้ดูสิว่า สมองคุณคิดอะไร ถ้าทุกครั้งที่เงินไม่พอใช้แล้วคุณตั้งคําถามกับตัวเองว่า “จะกู้ไหนดี” หรือ “คิดจะยืมใครดี” นั่นแหละ เรียกว่าการเสพติดการเป็นหนี้ ถ้าอยากจะแก้ปัญหาหนี้ จงหยุดก่อหนี้เพิ่ม เพื่อหยุดวังวนการเป็นหนี้นี้เสียที
ลดรายจ่ายฟุ่มเฟือย
หากเงินไม่พอใช้ในแต่ละเดือน ลองปรับวิธีคิด เป็นหาวิธีลดรายจ่ายอื่น ๆ แทนการก่อหนี้เพิ่ม และเมื่อคุณเปลี่ยนวิธีคิดได้แล้ว ก็จะปลดหนี้ได้เร็วเช่นกัน โดยการลดค่าใช้จ่ายนั้นง่ายมาก เพียงแค่คุณจดบันทึกรายรับ – รายจ่าย ว่าในแต่ละวันคุณหมดเงินไปกับอะไรบ้าง เมื่อหมดวัน ให้คุณดูบันทึกนั้น คุณจะรู้ได้ทันที ว่ารายจ่ายอันไหน ที่คุณสามารถตัดทิ้งออกไปได้นั่นเองค่ะ ตัวอย่างเช่น ค่ากาแฟแก้วละเป็นร้อย เป็นต้น
เช็คยอดหนี้ทั้งหมด
ดูว่าคุณมีบัตรกี่ใบ เช่น มี 4 ใบ แต่ละใบมียอดหนี้เท่าไร? ดอกเบี้ยของแต่ละบัตรต่อปีเท่าไร? ชำระขั้นต่ำต่อเดือนเท่าไร? จากนั้นให้ทำรายการหนี้ที่มีทั้งหมด เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองเป็นหนี้เท่าไร และเป็นหนี้เจ้าที่ไหนบ้างแล้ว จากนั้นก็แบ่งประเภทหนี้ตามอัตราดอกเบี้ย โดยตั้งเป้าหมายพยายามปิดหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน เพราะหนี้ก้อนหนี้เป็นตัวที่สร้างภาระหนี้ให้กับคุณมากที่สุด จากนั้น แบ่งสัดส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมด รายได้เท่าไหร่ ชำระหนี้เท่าไหร่ จะได้รู้ว่าคุณมีเงินเหลือต่อเดือนเท่าไร คุณจะได้เห็นภาพรวมและวางแผนการใช้เงินต่อเดือนได้ง่ายขึ้น
โปะหนี้ก้อนไหนก่อน?
จากที่เราบอกไปข้างต้น เมื่อคุณมีโอกาศได้เงินก้อนมา เช่น เงินโบนัส ให้เลือกชําระหรือปิดหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงสุดก่อนเป็นลําดับแรก ถ้ามีดอกเบี้ยสูงสุดเท่ากันสองรายการ ให้เลือกนําเงินไปปิดหนี้ที่มีวงเงินเหลือน้อยกว่าก่อน หัวใจสำคัญของการ “โปะ” คือการต้องปิดหนี้ทีละรายการ อย่ากระจ่ายเงินใส่หนี้หลาย ๆ ก้อน เพราะนั่นจะทําให้ภาระหนี้ต่อเดือนไม่ลดลง หรืออีกวิธี คือเลือกนําเงินก้อนไปโปะหนี้ที่ลดต้นลดดอกก่อนค่ะ ถือเป็นการลดภาระดอกเบี้ยของคุณต่อเดือน ให้ลดน้อยลงไปได้เช่นกัน
วางแผนชําระหนี้แบบเป็นขั้นตอน
การชำระหนี้จะต้องมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ หลักคิดของวิธีการนี้คือ ทยอยปิดหนี้ทีละราย ด้วยเงินคงเหลือในแต่ละเดือน โดยให้เน้นชำระเกินจากขั้นต่ำ เพราะเงินส่วนเกินจากขั้นต่ำที่เรานําไปชําระหนี้ จะถูกนําไปตัดเงินต้น และด้วยวิธีการนี้จะทําให้หนี้หมดเร็วขึ้นค่ะ
หาช่องทางสร้างรายได้เพิ่ม
ขั้นต่อมาคือการเริ่มต้นมองหาหนทางชําระหนี้ แนวทางคือมองหาเงินก้อนเพื่อมาโปะให้หมดไป โดยลองสํารวจดูสิว่า ตัวคุณมีโอกาสที่จะได้รับเงินก้อนหรือไม่ ถ้ามีให้วางแผนกันเงินก้อนนี้บางส่วนเผื่อไว้สําหรับชําระหนี้ หรือถ้าไม่มีเงินก้อน ให้นำทรัพย์สินบางอย่างที่สามารถแปลงเป็นเงินได้บางส่วนไปขาย เพื่อนําเงินมาชําระหนี้ด้วยก็เป็นได้ นั้นก็แล้วแต่คุณจะหาวิธี
แนวทางปลดหนี้ สุดท้าย รวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียว
ต้องบอกก่อนว่า วิธีการนี้ถือเป็นหนทางสุดท้ายที่เราจะแนะนำ เพราะจริงอยู่ที่จะช่วยให้ภาระต่อเดือนคุณลดลง แต่ภาระโดยรวมของคุณนั้นมีมากขึ้น เพราะว่ายอดเงินที่คุณกู้หนี้มาปิดเหล่านั้น จะถูกรวมดอกเบี้ยเอาไว้ด้วย และหนี้ก้อนใหม่ที่กู้มาปิดนั้น ก็ถูกคิดดอกเบี้ยซ้อนเข้าไปอีกชั้นหนึ่งนั่นเอง โดยวิธีการนี้ใช้หลักการเดียวกับการรีไฟแนนซ์หรือทําสัญญากู้ใหม่ โดยการนําหนี้หลายก้อนที่ยังค้างชําระมารวมเป็นก้อนเดียว หรือการคิดง่าย ๆ คือการ กู้หนี้มาปิดหนี้ของทุก ๆ บัตรอะไรประมาณนี้ก็ได้ แต่ก็มีหลักสําคัญของการรีไฟแนนซ์ อยู่คือ
1 ดอกเบี้ยที่กดหรือกู้ยืมมาจะต้องน้อยกว่า หรือไม่เกินกว่าเดิม
2 จํานวนเงินที่ต้องผ่อนชําระต่อเดือนจะต้องต่ำลง เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับตัวเอง ลดภาระรายจ่ายต่อเดือนลง
หลายครั้งที่ลูกหนี้จํานวนไม่น้อยมองข้าม เรื่องสําคัญนี้เวลาถูกติดตามทวงมาก ๆ ก็คิดแต่ว่าหาเงินมาให้ได้ก่อน ดอกเบี้ยเท่าไรไม่สน ขอให้มันผ่านไปอีกเดือนก็พอ ทำให้บางคนไปกู้เงินนอกระบบ ดอกเบี้ยร้อยละ 10-20 ต่อเดือน (ประมาณ 120-240% ต่อปี) เพราะจากที่เดิมเป็นหนี้บัตรเครดิตดอกเบี้ย 20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ซึ่งดอกเบี้ยมันเพิ่มขึ้นจากเดิม 100 – 200 % เลยนะคะ ซึ่งมันไม่ใช่ทางรอด แต่เป็นตัวเร่งให้คุณตายไวกว่าเดิมนั่นเอง ดังนั้น ก่อนรีไฟแนนซ์หรือหาเงินกู้มาใช้หนี้ก็ต้องจำหลักสำคัญ 2 ข้อนั้นไว้ให้ดี
คุณสามารถแก้ไขปัญหาการเงินนี้ได้ด้วยความมีวินัย และความอดทนเพราะทุกอย่างต้องใช้เวลา ขอให้คุณผู้อ่านตั้งสติ และยิ้มรับกับปัญหาที่เกิดขึ้นนะคะ ทุกปัญหามีทางแก้แน่นอนค่ะ