หุ้นดีต้องมีตำหนิ
หุ้นดีต้องมีตำหนิ – คำพูดจากปากนักลงทุนชื่อวีไอชื่อดัง พะเนียง พงษธา ที่ยังติดหูนักลงทุนหลายคนจนถึงทุกวันนี้
แล้วทำไม “หุ้นดี” ต้องมีตำหนิ?
นักลงทุนทุกคนคงรู้กันดีว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อสุดยอดกิจการหรือที่ทุกคนพูดง่ายๆ ว่าหุ้นดี คือตรงเวลาที่ราคาถูกมากๆ เรียกได้ว่าเป็นสูตรสำเร็จของการลงทุนเลย นักลงทุนมากมายร่ำรวยจากหลักการง่ายๆ นี้
แต่เป็นไปได้หรือที่หุ้นดีที่ใครๆ ก็รู้ว่ามันดีนั้นจะมีราคาถูก คือตอบก็คือกิจการนั้นจะต้องมีความไม่แน่นอนสูงจนราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปมาก และความไม่แน่นอนนี้เองที่คือ “ตำหนิ” ของสุดยอดกิจการ
หุ้นดีที่มีตำหนิซึ่งเหมาะกับการเข้าซื้อต้องมีความไม่แน่นอนที่เป็นเพียงปัญหาชั่วคราวซึ่งคาดว่าจะสามารถคลี่คลายได้ในอนาคต และปัญหานั้นต้องไม่ส่งผลให้พื้นฐานของกิจการเปลี่ยนแปลงไปในระยะยาว หรือเรียกง่ายๆ ว่าพอความไม่แน่นอนผ่านไป พื้นฐานทุกอย่างจะกลับมาเป็นแข็งแกร่งแบบเดิม
ยกตัวอย่างเช่น
หุ้น CPN ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเจ้าของห้างสรรพสินค้า Central ก็เรียกได้ว่าเป็นหุ้นแข็งแกร่งอีกตัวหนึ่งของตลาดหุ้นไทย แน่นอนว่าปรกติหุ้น CPN นั้นแทบจะเรียกได้ว่าไม่ถูกเลย แต่บางขณะที่กิจการมีความไม่แน่นอนสูง เช่น ช่วงเวลาที่มีสภาวะความไม่สงบทางการเมือง ราคาหุ้นดังกล่าวลดต่ำลงอย่างมาก จนเรียกได้ว่าถูกมาก ถ้าเทียบกับพื้นฐานกิจการ ลักษณะแบบนี้น่าจะเป็นปัญหาชั่วคราว เนื่องจากถ้าปัญหาการเมืองสงบลง กิจการก็จะกลับมาสู่ภาวะปรกติ
หุ้น AOT ผู้ประกอบการสนามบินแห่งประเทศไทยก็เคยเป็นหุ้นที่มีตำหนิอีกเช่นกัน ความไม่แน่นอนของ AOT คือช่วงความไม่สงบทางการเมืองที่มีการปิดสนามบินซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้โดยตรงของบริษัท หุ้นของบริษัทถูกเทขายออกมาจำนวนมาก แต่พอเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย ราคาหุ้นก็กลับมาสะท้อนความแข็งแกร่งของกิจการตามเดิม
หุ้น BH ผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายใหญ่ของประเทศไทยก็เคยเกิดความไม่แน่นอนเนื่องมากจากโรคระบาดร้ายแรงที่เคยค้นพบในประเทศ แน่นอนว่าเมื่อเกิดโรคระบาดร้ายแรง เช่น โรค MERS หรือโรค SARS โรงพยาบาลมักจะเป็นสถานที่แรกที่ผู้คนจะหลีกเลี่ยง เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมาก แต่เมื่อสถานการณ์ต่างๆ ผ่านไป ราคาก็กลับมาสะท้อนพื้นฐานกิจการดังเดิม
การหาหุ้นดี ที่มีตำหนิจึงเป็นงานของนักลงทุนแนวพื้นฐาน
แน่นอนว่า “ตำหนิ” ในตลาดหุ้นนั้นมีมากมาย แต่ส่วนใหญ่มักเป็นตำหนิของหุ้นไม่ดี หรือตำหนิของหุ้นที่ล้างไม่ค่อยจะออกเสียมากกว่า และการจะมองให้ออกว่าตำหนิที่ประทับอยู่บนกิจการตอนนี้เป็นตำหนิแบบไหน นักลงทุนต้องใช้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตัวพื้นฐานบริษัทมาก ซึ่งถ้าคิดถูกต้อง นักลงทุนก็จะได้รับผลตอบแทนที่งดงามเป็นรางวัลในความพยายาม
ถ้าจะให้พูดถึงหุ้นดีมีตำหนิของหุ้นต่างๆ ในประเทศไทย ต่อให้พูดทั้งวันทั้งคืนก็คงไม่หมด เพราะหุ้นทุกตัวในตลาดก็มักจะมีตำหนิทั้งนั้น ไม่มีกิจการไหนที่สมบูรณ์แบบ 100% ทุกบริษัทย่อมมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นในบางครั้งบางคราวเสมอ
คำถามคือวันที่ความไม่แน่นอนนั้นเกิดขึ้น หุ้นนั้นมี “เรา” อยู่หรือเปล่า
ถ้าตอบว่ามี โอกาสที่ “หุ้นดีต้องมีตำหนิ” จะกลายเป็น “หุ้นเปลี่ยนชีวิต” นั้นก็ไม่ยากเลย เพราะเศรษฐีหุ้นส่วนใหญ่ก็ร่ำรวยมาจากสุดยอดกิจการในวันที่ฟ้าไม่โปร่งใสทั้งนั้น
ขอแค่หาให้เจอก็พอ
ลงทุนศาสตร์