ที่ปรึกษาการเงิน ชี้ 7 เรื่องต้องรู้ก่อนลงทุน "ถอดรหัสรวยปีระกา"
ที่ปรึกษาการเงิน K-Expert ธนาคารกสิกรไทย ร่วมมือกับ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) บลจ. กสิกรไทย (KAsset) และ บล. กสิกรไทย (KSecurities) จัดกิจกรรม “ถอดรหัสรวยปีระกา” เพื่อไขเคล็ด(ไม่)ลับ 7 ข้อ สำหรับการลงทุนอย่างไรให้เวิร์คในปี 2560 ลดความเสี่ยง เพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุนทั้งมือใหม่และมือเก๋าให้แน่นปึ๊ก พร้อมลงทุนกันแบบไม่สะดุดตลอดปี
นายบุนชาน กุลวทัญญู ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เล่าถึงกิจกรรมนี้ว่า “แนวทางของบริการ K-Expert คือ การให้คำปรึกษาเรื่องวางแผนจัดการเงินทองที่ตรงกับความต้องการและเหมาะสมกับเป้าหมายของแต่ละบุคคล โดยมีทีมงาน K-Expert ที่ปรึกษาการเงินมืออาชีพที่ได้รับการรับรองด้านวางแผนการเงิน (CFP: Certified Financial Planner) ซึ่งกิจกรรมถอดรหัสรวยปีระกา เป็นกิจกรรมที่ตั้งใจจะจัดขึ้นทุกปี เพื่อให้แนวทางการเงินการลงทุนในแต่ละปี พร้อมทั้งอัพเดทปัจจัยที่น่าจะส่งผลกับการลงทุน เพื่อให้สามารถเอาไปปรับใช้กับแผนการลงทุนของตนเอง ซึ่งเป็นทักษะชีวิตที่ช่วยให้คนไทยมีสุขภาพการเงินที่ดีขึ้น”
โดย 7 เรื่องสำคัญที่ต้องรู้ก่อนลงทุน ได้แก่
1. รู้จักสไตล์การลงทุนของตัวเอง ทั้งความเสี่ยงที่รับได้และเป้าหมายในการลงทุน เพราะเป็นตัวตัดสินว่าควรลงทุนในอะไรบ้าง
2. 80% ของความสำเร็จในการลงทุนมาจากการจัดพอร์ตได้เหมาะกับความเสี่ยงที่รับได้ ส่วนอีก 20% เกิดจากการเลือกสินทรัพย์ที่ถูกต้องเข้ามาในพอร์ต
3. เรื่องที่นักลงทุนมักทำพลาดบ่อยๆ มี 3 เรื่อง คือ ไม่กระจายความเสี่ยง ไม่หาข้อมูลก่อนลงทุน และไม่มองภาพรวมการลงทุนของตัวเอง
4. เรื่องที่ต้องจับตามองสำหรับการลงทุนในปี 2560 นี้คือการเลือกตั้งใน 3 ประเทศฝั่งยุโรป Brexit ที่เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น และนโยบาลของทรัมป์ที่จะเขย่าตลาดทุนทั่วโลกแน่นอน
5. กลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ในช่วงขาขึ้นปีนี้คือกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เพราะจะได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐที่เน้นปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ
6.Fund Navigator คือเครื่องมือใหม่ล่าสุดจาก บลจ. กสิกรไทย ที่จะช่วยแนะนำกองทุนได้ง่ายๆ ตามสไตล์และเป้าหมายการลงทุนของแต่ละคน
7. การลงทุนในหุ้นปีนี้ต้องเตรียมรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และปัญหาเงินทุนไหลออก จากนโยบายขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ยังเตือนให้ทุกคนระวัง 3 เรื่องที่นักลงทุนมักจะทำผิดพลาดอยู่บ่อยๆ คือ
1) ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว เช่น ชอบหุ้นก็ซื้อแต่หุ้น กลัวความเสี่ยงก็ฝากเงินอย่างเดียว ซึ่งผิดหลักการกระจายความเสี่ยง ทำให้เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับสินทรัพย์นั้นจะส่งผลเสียที่รุนแรง
2) ไม่หาข้อมูลก่อนลงทุน ใครบอกว่าอะไรดีก็ลงทุนตาม อยากได้กำไรในทันที ทนการขาดทุนไม่ได้ โดยข้อนี้มีส่วนทำให้ตัดสินใจผิดพลาด เช่น รีบขายสินทรัพย์ที่ขาดทุนทันที ทั้งๆ ที่มีโอกาสทำกำไรได้ในอนาคต หรือการไม่ยอมตัดขาดทุน ทำให้ตัวเลขขาดทุนบานปลายขึ้นเรื่อยๆ
3) ไม่มองภาพรวม บางคนสนใจแต่เรื่องลดหย่อนภาษี บางคนดูแต่เรื่องความเสี่ยง บางคนวางแผนเฉพาะเกษียณเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้พอร์ตการลงทุนไม่สมดุล และมีโอกาสไม่ประสบความสำเร็จได้ง่าย
แนวทางการลงทุนปี 2560
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2560 นี้ว่า ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะมีปัจจัยเสี่ยงในภาพใหญ่ที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจระดับโลก เช่น การเลือกตั้งในหลายประเทศของยุโรป ทั้งฝรั่งเศส เนเธอแลนด์ และเยอรมนี รวมถึงการออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักรที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น และนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะสร้างความผันผวนให้ตลาดทุนทั่วโลก
สำหรับนักลงทุนสายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (KAsset) ได้คาดการณ์แนวโน้มการลงทุนในปีนี้ว่า กลุ่มที่มีแนวโน้มอยู่ในขาขึ้นคือกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่จะได้รับประโยชน์จากนโยบายภาครัฐที่เน้นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการคมนาคมประเภทราง ถนน ทางน้ำ และทางอากาศ จำนวนถึง 20 โครงการ นอกจากนี้ ยังได้แนะนำเครื่องมือใหม่ที่ใช้ค้นหากองทุนที่น่าสนใจ “Fund Navigator” บนเว็บไซต์ของ KAsset ซึ่งจะช่วยค้นหากองทุนได้ง่ายๆ ตามไลฟ์สไตล์และเป้าหมายการลงทุน
สำหรับสายหุ้น บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย (KSecurities) แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นปีนี้ต้องเตรียมตัวรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน และปัญหากระแสเงินทุนไหลออก จากนโยบายการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา โดยหุ้นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์คือ กลุ่มพลังงานต้นน้ำ ได้แก่ ปิโตรเลียมและถ่านหิน และกลุ่มธนาคาร
จากกิจกรรมถอดรหัสรวยปีระกานี้ นายศิวนัสน์ ธีราชิรกุล อายุ 28 ปี อาชีพพนักงานประจำ ให้ความเห็นว่า “การเข้าร่วมกิจกรรมถอดรหัสรวยปีระกา ทำให้ได้รับข้อมูลที่ช่วยการวางแผนการเงินได้มาก เพราะจะได้รู้ว่าควรระวังเรื่องอะไรบ้างในการลงทุนปีนี้ รวมถึงได้กลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้งว่าพอร์ตลงทุนของเราตอนนี้เป็นอย่างไร กระจายความเสี่ยงพอหรือยัง หรือต้องปรับอะไรอีก”
นางสาวสิรีพัชร มาตุรงค์พิทักษ์ นักลงทุนมือใหม่ อายุ 29 ปี เล่าว่า เริ่มสนใจการลงทุน เพราะอยากมีเงินเก็บ และมองว่า ถ้าเอาไปฝากในออมทรัพย์ธรรมดาคงจะได้ผลตอบแทนน้อย นอกจากนี้ยังได้แรงบันดาลใจจากลูกพี่ลูกน้องที่เริ่มลงทุนแล้ว ทั้งที่อายุแค่ 20 ต้นๆ ทำให้เริ่มต้นลงทุนจริงจังมากขึ้น โดยเริ่มจากการซื้อกองทุน เพราะเป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับคนที่ไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอหุ้นตลอดเวลา อีกอย่างก็มีผู้จัดการกองทุนช่วยดูแลการลงทุนให้เราด้วย