“คุณชายอุ๋ย” เเฉ! 6 นายทหาร เเทรกตั้งบรรษัทน้ำมันเเห่งชาติ พลังงานของประเทศถอยหลังเเน่

“คุณชายอุ๋ย” เเฉ! 6 นายทหาร เเทรกตั้งบรรษัทน้ำมันเเห่งชาติ พลังงานของประเทศถอยหลังเเน่

“คุณชายอุ๋ย” เเฉ! 6 นายทหาร เเทรกตั้งบรรษัทน้ำมันเเห่งชาติ พลังงานของประเทศถอยหลังเเน่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันที่ 27 มี.ค.60 เมื่อเวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวว่า ที่เรียนเชิญสื่อมวลชนมารับฟังการแถลงข่าวครั้งนี้ เพราะมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นเกี่ยวกับการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติเกิดขึ้น ซึ่งตนไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ดี จึงเลือกวิธีการทำจดหมายเปิดผนึกถึงสนช.

ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า หลังพ้นหน้าที่จากคณะรัฐบาลชุดปัจจุบันมาแล้ว มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เฝ้าติดตามเรื่อยมา เพราะหากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงจะมีผลเสียต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก ชนิดที่ว่าจะแก้กลับไม่ได้ คือ ความพยายามของคนกลุ่มหนึ่งซึ่งจะเข้ามามีอำนาจเหนือแหล่งพลังงานและกิจการพลังงานของชาติ ในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งรับผิดชอบดูแลกระทรวงพลังงาน ได้เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอทราบนโยบายว่าจะให้มีการสำรวจหาแหล่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมหรือไม่

คำตอบของนายกรัฐมนตรีคือ ยืนยันที่จะให้มีการสำรวจ และมอบให้ตนแก้ไขกฎหมาย (พ.ร.บ.ปิโตรเลียม) เพื่อมิให้การสำรวจและการผลิตจำกัดอยู่เฉพาะระบบสัมปทานดังที่ปรากฏอยู่ใน พ.ร.บ. ฉบับที่ใช้อยู่ จึงได้มอบให้เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานร่างแก้ไขกฎหมายให้เปิดกว้าง โดยให้รวมถึงระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) และ ระบบจ้างสำรวจและผลิตด้วย

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวต่อไปว่า เมื่อได้มีการศึกษาร่างกฎหมายให้เปิดกว้างดังกล่าว ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกฤษฎีกา และส่งกลับมาที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในช่วงกลางเดือนก.ค.2558 ปรากฏว่า ไม่มีการนำเรื่องเสนอที่ประชุม ครม. จนตนต้องไปตามเรื่องจึงทราบว่าติดอยู่ที่นายกรัฐมนตรี ในที่สุดก็ยอมให้นำเรื่องเสนอที่ประชุมครม.ในวันที่ 4 ส.ค. 2558 ซึ่งที่ประชุมมีมติให้นำเสนอต่อสนช.เพื่อตราเป็นกฎหมายออกใช้ เพื่อที่จะได้สามารถเริ่มการสำรวจก๊าซธรรมชาติได้ทันใช้

"สิ่งที่น่าแปลกใจคือทันทีที่ ครม.มีมติดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้บอกผมว่า ก่อนนำเสนอ สนช. ขอให้ผมชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการพลังงานของ สนช. ผมได้ปฏิบัติตามโดยเชิญคณะกรรมาธิการดังกล่าวมาสนทนาที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2558 ผู้ที่มาพบมีด้วยกัน 7 คน ปรากฏว่า เป็นอดีตนายทหารระดับสูงถึง 6 คน เมื่อผมชี้แจงแล้ว ได้รับคำตอบว่า ไม่ขัดข้องที่จะเปิดทางเลือกในการสำรวจและการผลิตให้มีหลายวิธี แล้วเลือกจากวิธีที่ประเทศชาติได้รับประโยชน์สูงสุด แต่เห็นว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังขาดไปอีก 1 เรื่อง คือเรื่องการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ ซึ่งทำให้ผมประหลาดใจเป็นอย่างมาก"ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ตนได้ชี้แจงทันทีว่า จุดมุ่งหมายของการออก พ.ร.บ.ใหม่ฉบับนี้ เพื่อจะเปิดโอกาสให้มีการสำรวจก๊าซธรรมชาติโดยให้ครอบคลุมถึงวิธีการต่างๆให้มากขึ้นกว่าระบบสัมปทานแต่อย่างเดียว ซึ่งเป็นไปตามข้อเรียกร้องของภาคประชาชน ไม่เคยมีใครพูดถึงบรรษัทน้ำมันแห่งชาติเลย กระทรวงพลังงานไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ และเมื่อนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ตนร่างกฎหมาย ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ ตัวแทนคณะกรรมาธิการดังกล่าวยืนยันว่า ควรเพิ่มเติมเรื่องการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติเข้าไปด้วย ตนได้แจ้งว่า คงจะเติมให้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล และจะขอเสนอร่างกฎหมายไปยัง สนช. ตามที่ร่างไว้

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่าครั้นถึงวันที่ 19 ส.ค. 2558 ตนก็พ้นจากตำแหน่งโดยยังไม่ทันได้เสนอร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวต่อ สนช. รมว.พลังงานคนต่อมาได้นำร่างพ.ร.บ. ดังกล่าวเสนอต่อ สนช. ตามเนื้อหาที่ร่างไว้เดิม ปรากฏว่าคณะกรรมาธิการการพลังงานได้เสนอร่าง พ.ร.บ. เพิ่มเติมอีกฉบับหนึ่งเพื่อจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ รัฐบาลจึงส่งร่าง พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา หากเห็นด้วยก็อาจรวมเป็นร่างเดียวกันได้ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้เชิญรองนายกรัฐมนตรีที่คุมงานของกระทรวงพลังงานไปชี้แจง ซึ่งได้ชี้แจงว่า ไม่เห็นด้วยและไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ คณะกรรมการกฤษฎีกาจึงได้ปฏิเสธที่จะเพิ่มเติมเรื่องการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติเข้าไปในร่าง พ.ร.บ. ของรัฐบาล และส่งเรื่องกลับไปยัง ครม. ซึ่งได้มีมติให้ส่งร่างเดิมของรัฐบาลไปยัง สนช. เพื่อพิจารณาออกเป็นกฏหมายต่อไป

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวด้วยว่า การโอนอ่อนผ่อนตามให้มีการเพิ่มมาตราในเรื่องใหม่ดังกล่าว ทั้งๆที่รัฐบาลยังไม่มีนโยบายที่จะทำ และแม้กระทั่งการศึกษาถึงผลได้-ผลเสีย ตลอดจนความจำเป็นในการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ รัฐบาลยังไม่เคยทำไว้ คณะรัฐมนตรีไม่มีความจำเป็นแต่ประการใดเลยที่จะต้องโอนอ่อนผ่อนตามคำขอที่ไม่ชอบมาพากลของคณะกรรมาธิการในเรื่องนี้ นอกเสียจากว่าจะเกรงใจใครบางคนหรือกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม ซึ่งมีอิทธิพลอยู่ในคณะรัฐมนตรีด้วย และหากเป็นไปตามร่างดังกล่าว กิจการน้ำมันของประเทศก็จะถอยหลัง

"จึงใคร่ขอร้องมายังสมาชิกสนช. ที่จะเข้าประชุมในวันที่ 30 มี.ค. นี้ได้โปรดช่วยชาติด้วยการใช้ความระมัดระวังในการลงคะแนนเสียงเพื่อมีมติเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ปิโตรเลี่ยม ในวาระ 2 และ วาระ 3 ด้วย มีการแอบทำแอบซุก วาระ 1 ไม่มี วาระ2 มี แปลว่าอะไรตรงนี้คือความไม่ชอบมาพากล หากไม่ซุกตรงนี้แล้วเสนอเป็นพ.ร.บ.ใหม่จะเหมาะสมกว่า เนื้อหาวิธีการมีมาตรา 10/1โผล่มาประหลาดมาก เป็นเรื่องใหม่เอี่ยม

ที่ผ่านมาประเทศเราพลังงานทำมาได้ด้วยดี พัฒนามาด้วยดีตลอด สัมปทานก็ไม่มีใครโกง มีแก๊สธรรมชาติช่วยรองรับความเจริญ แม้จะไม่สมบูรณ์ทั้งหมด แต่ประเทศก็เดินหน้าไปได้ ผมกำลังเปิดประเด็น และพูดแทนคนไทยว่า กำลังมียักษ์ตัวใหญ่ขึ้นมาแล้วคุมอำนาจโดยใครก็ไม่รู้ เเละยักษ์ตัวใหม่ที่มาควบคุมบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ หากฝ่ายการเมืองสามารถเข้าควบคุมบรรษัทน้ำมันแห่งชาตินี้ได้ เชื่อว่า มีวิธี 108 วิธี และทำอะไรไม่ชอบมาพากลใครจะแก้ไขปัญหาได้"ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook