​เจาะเคล็ดลับพลิกธุรกิจฝ่าวิกฤติอย่าง strong

​เจาะเคล็ดลับพลิกธุรกิจฝ่าวิกฤติอย่าง strong

​เจาะเคล็ดลับพลิกธุรกิจฝ่าวิกฤติอย่าง strong
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยเมื่อเผชิญสภาวะวิกฤติจนธุรกิจอาจถึงขั้นต้องปิดตัว ทำให้หลายคนอาจเกิดความรู้สึกท้อแท้ หมดอาลัยตายอยาก ในขณะที่บางคนยังมีแรงฮึด ก็อาจพยายามมองหาวิธีที่จะฟื้นกลับมาอีกครั้ง แต่จะใช้วิธีแบบไหนดีล่ะ ในสภาวะเช่นนี้จะมีใครมองเห็นทางออกของตนเองหรือไม่ นักการตลาดที่ประสบความสำเร็จได้แนะนำกลวิธีต่อไปนี้ที่จะทำให้ธุรกิจพลิกฟื้นขึ้นมายืนหยัดได้อีกครั้ง


1.ไล่ตามความฝันอีกครั้ง
บางคนอาจมองว่าการวิ่งไล่ตามความฝันมันช่างดูไร้สาระ ผู้มีวัยวุฒิหลายๆ ท่านมักให้คำแนะนำว่า เอาเวลาไปทำในสิ่งที่จับต้องได้ดีกว่าไหม ในขณะที่ผู้ประกอบการบางรายก็อาศัยการไล่ตามความฝันจนประสบความสำเร็จ และบางรายที่ต้องล้มลงก็สามารถพลิกฟื้นกลับมาได้ รู้หรือไม่อะไรคือเคล็ดลับของเขา ก็การยึดติดกับภาพความสำเร็จของการไล่ตามฝันไง ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่อาศัยภาพของธุรกิจในช่วงขาขึ้นสุดๆ เป็นความฝันและแรงบันดาลใจ เมื่อถึงเวลาที่เขาล้มลงเขาก็สามารถกลับมาได้อีกครั้งโดยอาศัยเป้าหมายนี้ที่เขาตั้งไว้ หากความสำเร็จที่ผ่านมาคือความฝัน งั้นก็ขอไล่ตามมันอีกซักรอบจะเป็นไรไป


2.จงเป็นเหมือนแมลงสาบ
เหตุผลที่ทำให้แมลงสาบ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์มาตั้งแต่สมัยที่โลกใบนี้เป็นเหมือนสนามเด็กเล่นของ ที-เร็กซ์ และผองเพื่อน สามารถดำรงเผ่าพันธุ์ผ่านกาลเวลามาได้จนถึงยุคปัจจุบันคือ การปรับตัว ธุรกิจเองก็เช่นกัน มีตัวอย่างเกิดขึ้นมากมายถึงธุรกิจที่ไม่สามารถปรับตัวหรือ ปรับตัวเมื่อสายเกินไปแล้วจนไม่สามารเดินหน้าต่อได้ ดังนั้นการรู้จักปรับตัวให้เข้ากับกระแสที่เปลี่ยนแปลงหรือสามารถปรับตัวได้ในเวลาที่วิกฤตินั้นมาเยือนแล้ว ย่อมเป็นทางออกที่ช่วยประคองธุรกิจให้เดินต่อได้ แม้จะช้าแต่ก็ดีกว่าต้องปิดตัวลง และเมื่อเวลาผ่านไป ธุรกิจที่ปรับตัวขึ้นมาใหม่จะผงาดขึ้นมาโลดแล่นอยู่ในตลาดได้


3.ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม
แม้จะอยู่ในสังคมแห่งการแข่งขันที่ความเร็วคือตัวแปรของผลสำเร็จ แต่ก็ใช่ว่าการรีบเร่งเดินหน้าเพียงอย่างเดียวจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องเสมอ นักการตลาดที่ดีเลือกที่ให้ความสำคัญกับการจัดสรรความสมดุลของการทำงาน มากกว่าจะเน้นให้ความสำคัญกับตัวงานจนกลายเป็น workaholic โดยยึดหลักที่ว่า work smarter not harder หรือ ทำงานอย่างสุขุมรอบคอบมากขึ้น เพราะการที่คนทำงานอย่างหนักราวกับเครื่องจักรไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่างานนั้นจะออกมาดีเสมอ


ตรงกันข้ามความเหนื่อยล้าผสมกับความเร่งร้อนอาจทำให้เกิดช่องโหว่หรือข้อผิดพลาดต่างๆ ได้ง่ายกว่า ในขณะที่การทำงานอย่างสุขุมรอบคอบย่อมเปิดโอกาสให้พิจารณาสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้มากกว่าและสามารถมองเห็นปัญหาได้ชัดเจนกว่า การดำเนินธุรกิจก็เช่นกัน มีตัวอย่างมากมายของผู้ประกอบการที่เห็นตัวเลขรายได้เพิ่มขึ้นก็เลือกตัดสินใจเดินหน้าขยายกิจการต่อโดยไม่คำนึงถึงองค์ประกอบปัจจัยอื่นๆ แทนที่ธุรกิจจะไปได้สวยกลับกลายเป็นเข้าสู่ขาลงก่อนเวลาอันควร

แต่ถ้าเลือกที่จะจัดการกับกิจการที่มีอยู่ให้มั่นคงอยู่ตัวเสียก่อนแล้วค่อยๆ ขยับขยาย ธุรกิจก็จะไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนกว่า เพราะหัวใจของความสำเร็จทางธุรกิจไม่ได้อยู่ที่ยอดตัวเลขรายได้พุ่งพรวดๆ แต่อยู่ที่การรักษาธุรกิจนั้นให้ก้าวต่อได้ การพลิกฟื้นธุรกิจก็เช่นกัน ผู้ประกอบการไม่ควรเร่งร้อนด่วนตัดสินใจ แต่ต้องพิจารณาทุกอย่างด้วยความรอบคอบ เลือกตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออก แล้วค่อยๆ พยุงส่วนที่เหลืออยู่ให้ผ่านวิกฤติอย่างช้าๆ จะเห็นผลมากกว่า


มีเป้าหมาย ปรับตัว และรอบคอบ ขอเพียงมีให้ครบทั้ง 3 ข้อ แม้จะเผชิญวิกฤติขนาดไหน หากผู้ประกอบการไม่ท้อถอยง่ายๆ เสียอย่าง ก็ย่อมพาธุรกิจฝ่าฟันไปได้

Text : ไศลธร เหมะสิขัณฑกะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook