ปตท.กำไรหนักมาก! ไตรมาสแรก 60 กำไรสุทธิกว่า 4.6 หมื่นล้าน
ปตท.และบริษัทย่อย ไตรมาสแรก กำไรสุทธิ 46,168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22,499 ล้านบาท จาก 23,669 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันปีก่อน มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 2,229,964 ล้านบาท
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยรายงานงบการเงินของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)ในไตรมาส 1 ปี 2560 (Q1/2560) ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 509,797 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123,153 ล้านบาท หรือร้อยละ 31.9 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นในเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ จากราคาเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ทั้งสายอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์ที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นจาก 30.4เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเป็น 53.1เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับปีก่อน
อย่างไรก็ตามธุรกิจก๊าซฯ มีรายได้ลดลงจากราคาขายเฉลี่ยลดลงตามราคาก๊าซฯอ้างอิงที่ลดลง และบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) มีรายได้ลดลงจากปริมาณขายที่ลดลง ในงวดนี้ ปตท.และบริษัทย่อยมีกำไรก่อนหักต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย(EBITDA) จำนวน 89,261 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 25.3จากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบเพิ่มขึ้น และธุรกิจก๊าซธรรมชาติในส่วนของโรงแยกก๊าซฯ มีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากต้นทุนก๊าซฯ ซึ่งอ้างอิงตามราคาน้ำมันเตาย้อนหลังที่ต่ำลง อีกทั้งราคาขายผลิตภัณฑ์ที่อิงกับราคาปิโตรเคมีก็ปรับสูงขึ้น
รวมทั้งปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากที่ไตรมาส 1 ปี 2559 (Q1/2559) โรงแยกก๊าซฯอีเทน (Ethane Separation Plant: ESP) มีซ่อมบำรุงใหญ่
ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมจำนวน 2,048 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,184 ล้านบาท จาก 865 ล้านบาท ใน Q1/2559โดยหลักเพิ่มขึ้นจากบริษัท พีทีที อาซาฮี เคมิคอล จำกัด (PTTAC) ที่ปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และจากบริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด (HMC) ที่ราคา Polypropylene (PP) ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ กำไรขั้นต้นต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์ตามราคาตลาด (Market Product to Feed Margin : Market P2F)เพิ่มขึ้น
ปตท. และบริษัทย่อยมีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจำนวน 28,507 ล้านบาท ลดลง 3,303 ล้านบาท จาก Q1/2559 โดยหลักมาจาก PTTEP ที่มีการปรับประมาณการต้นทุนค่ารื้อถอนอุปกรณ์การผลิตลดลง และ การปรับปริมาณสำรองปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 2,152 ล้านบาท จาก2,349 ล้านบาทใน Q1/2559เป็น 4,501 ล้านบาท ใน Q1/2560โดยหลักมาจาก ปตท.ที่มีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการรับและจ่ายชำระเงินจากลูกหนี้และเจ้าหนี้การค้าสกุลเงินต่างประเทศ (Realized Gain) เพิ่มขึ้น และจากผลกระทบของเงินบาทที่แข็งค่าในอัตราที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้กลุ่มบริษัทในเครือโดยส่วนใหญ่มี Unrealized FX Gain จากเงินกู้ยืมสกุลเงินต่างประเทศ
ใน Q1/2560 ปตท. มีรายได้เงินปันผลรับจากกองทุนรวม จำนวน 4,310 ล้านบาท อีกทั้ง ปตท.และบริษัทในเครือมีกำไรจากตราสารอนุพันธ์ 3,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,170 ล้านบาท จาก Q1/2559โดยหลักเพิ่มขึ้น จากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันของ PTTEP บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) (IRPC)และ PTT International Trading Pte. Ltd. (PTTT)
ปตท. และบริษัทย่อย มีภาษีเงินได้ 6,398 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,616 ล้านบาท จาก Q1/2559โดยหลักมาจาก ปตท.และ บริษัทในเครือกลุ่มปิโตรเคมีและการกลั่นที่มีผลการดำเนินงานดีขึ้น ขณะที่ PTTEP ลดลงจากผลประโยชน์ทางภาษีที่เกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ ฯ ส่งผลให้ใน Q1/2560 ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 46,168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22,499 ล้านบาท จาก 23,669 ล้านบาทใน Q1/2559
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 ปตท. และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 2,229,964 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 1,016,596 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น 1,213,368 ล้านบาท