นักศึกษาก็เป็นเศรษฐีได้ด้วยกองทุนรวมนะ

นักศึกษาก็เป็นเศรษฐีได้ด้วยกองทุนรวมนะ

นักศึกษาก็เป็นเศรษฐีได้ด้วยกองทุนรวมนะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในขณะที่อ่านอยู่นี้หากท่านกำลังอยู่ในวัยนักศึกษาและอยากจะเริ่มต้นลงทุน ก็ยินดีด้วยนะครับ ท่านจะมั่งคั่งในวัยเกษียณอย่างแน่นอน ยิ่งท่านที่กำลังอยู่ในวัยศึกษา กลุ่มนี้สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา มีเวลาในการลองผิดลองถูก ในเรื่องการลงทุนอีกเยอะ

ทีนี้ถ้าคิดจะเริ่มลงทุนแล้ว ขอจุดประกายด้วยการสร้างความมั่งคั่งผ่านดอกเบี้ยทบต้นครับ มหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้นมีปัจจัยด้านเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเรามีกรอบเวลาในการลงทุนมากพอ จำนวนเงินเล็กน้อยที่เริ่มลงทุนในช่วงวัยรุ่น วัยศึกษาเช่นนี้ อาจจะกลายสภาพเป็นเงินที่มีมูลค่ามหาศาลในวัยเกษียณได้ แต่จำเป็นต้องมีการลงทุนที่มีวินัยและประสิทธิภาพเพียงพอ ทั้งนี้ต้องทำความเข้าใจถึงหลักการในการลงทุนพื้นฐาน และให้เริ่มลงทุนให้เร็ว คำว่า
“รวยอย่างมั่งคง” ไม่หนีไปไหนแน่นอนครับ

600x600px_05062017

การเริ่มต้นลงทุนสามารถเริ่มได้ทันที ณ วันนี้ จากการลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งเป็นการรวบรวมหรือระดมเงินลงทุนจากนักลงทุนหลายๆ คน เพื่อนำมาลงทุนใน “หน่วยลงทุน” ของกองทุนรวมที่มีวัตถุประสงค์ และนโยบายการลงทุนตามที่กำหนดไว้ในแต่ละกองทุน โดยมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพมาคอยช่วยดูแลเงินลงทุน คัดเลือกหลักทรัพย์ในธุรกิจที่มีความน่าสนใจและมีแนวโน้มเติบโต และมีการบริหารความเสี่ยงจากการลงทุนด้วยวิธีการต่างๆเพื่อให้กองทุนได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้

การลงทุนผ่านกองทุนรวมจึงเป็นวิธีการลงทุนด้วยเงินลงทุนขนาดใหญ่ ทำให้มีความได้เปรียบ กว่าการลงทุนโดยตรงเองของนักลงทุนรายย่อยในหลายๆ ด้านจาก Economy of Scale แถมกองทุนก็มีนโยบายการลงทุนให้เลือกหลากหลาย บางกองลงทุนเฉพาะตราสารหนี้ ซึ่งหมายถึง ตราสารที่จ่ายดอกเบี้ยเท่านั้น เช่น ตั๋วแลกเงิน พันธบัตร หุ้นกู้ หรือบางกองทุนอาจลงทุนหุ้น และก็เลือกได้อีกว่าเป็นหุ้นขนาดใหญ่ หุ้นขนาดเล็ก หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ เราก็สามารถเลือกให้ตรงตามวัตถุประสงค์ ระดับผลตอบแทนและความเสี่ยงที่ต้องการ

อีกทั้งไม่ว่าจะเลือกลงทุนแบบไหนนักลงทุนมือใหม่อย่างเรายังสามารถเริ่มได้ด้วยเงินลงทุนจำนวนน้อยๆ และทยอยเรียนรู้พร้อมๆกับการลงทุนไปเรื่อยๆด้วย โดยวิธีที่นิยมทำกัน คือการลงทุนแบบ Dollar Cost Average (DCA) โดยลงทุนเป็นประจำ อาจกำหนด เป็นรายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายปี ด้วยเม็ดเงินลงทุนที่เท่าๆกันครับ โดยวิธีนี้ยังช่วยเฉลี่ยต้นทุนการลงทุน (เฉพาะกรณีหุ้น) ให้ถูกกว่าการลงทุนแบบลงทุนด้วยเม็ดเงินเยอะๆ เพราะตลาดมีความผันผวนทั้งขึ้นและลง

ยกตัวอย่าง หากท่านอายุ 25 ปี ลงทุนทุกเดือน เดือนละ 1,000 บาท จนเกษียณอายุ 60 ปี หากเลือกลงทุน

1. กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น สมมติผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย 3% ต่อปี หากท่านเริ่มลงทุน ท่านจะมีเงินลงทุน ตอนอายุ 60 ปี เท่ากับ 741,563 บาท (เงินต้น 420,000 บาท)
2. กองทุนหุ้น สมมติผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย 12% ต่อปี หากท่านเริ่มลงทุนท่านจะมีเงินลงทุน ตอนอายุ 60 ปี เท่ากับ 6,430,959 บาท (เงินต้น 420,000

อย่างไรก็ดี การลงทุนมีความเสี่ยง ผลตอบแทนในแต่ละปีบางปีอาจได้มาก หรือ น้อย หรือขาดทุน ก็ได้ หากความเสี่ยงสูงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง ในทางกลับกันหากความเสี่ยงต่ำโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนก็อยู่ในระดับต่ำ เช่นกัน

สำหรับการเริ่มลงทุน นักลงทุนบางท่านมักจะไม่กล้ารับความเสี่ยง ก็จะเลือกลงทุนในตราสารหนี้ เช่น ตราสารทางการเงิน พันธบัตรรัฐบาล หรือ เงินฝาก เพราะมีโอกาสขาดทุนน้อย แต่ผลตอบแทนที่ได้รับก็จะน้อยด้วยเช่นกัน ในขณะที่หากสามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น และลงทุนเป็นระยะเวลานานขึ้นการลงทุนในหุ้นก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างดีทีเดียวครับ ทั้งนี้ โปรดระลึกเสมอว่าผลงานในอดีตไม่สามารถรับประกันผลงานในอนาคตได้

โดยสรุปแล้ว มีหลักการสำคัญอย่างน้อย 4 ข้อที่ควรพิจารณาก่อนลงทุน เมื่ออ่านบทความนี้จบคือ

1. กำหนดวัตถุประสงค์ หรือเป้าหมายในการลงทุน
2. กำหนดระยะในการลงทุน ตามเป้าหมายในแต่ละอัน
3. ควรศึกษาหาความรู้ เกี่ยวกับ นโยบายการลงทุน โอกาสได้รับผลตอบแทน และรู้ว่าระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ ก่อนตัดสินใจลงทุน
4. และที่สำคัญที่สุดเลยครับข้อนี้ : มีวินัยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

การลงทุนในกองทุนรวมไม่ใช่เรื่องยากครับ เพียงศึกษาข้อมูลอย่างเพียงพอก่อนตัดสินใจลงทุน มีวินัยในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เริ่มออมยิ่งเร็วยิ่งดี หากทำแบบนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา หรือ ผู้ที่กำลังเริ่มต้นทำงาน เริ่มต้นลงทุนในวันนี้ ก็จะกลายเป็นเศรษฐีในวันหน้าได้อย่างแน่นอนครับ...

โดย บลจ.ไทยพาณิชย์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook