ตัวเรา ของเรา ความพิลึกพิลั่นของความเป็นตัวเองที่ ทำเงิน ได้
เสาร์อาทิตย์ของเรา ต้องเบาสมองกันหน่อย TerraBKK ขอเปลี่ยนแนวมาชวนนอนตีพุง ดูหนัง ทำความรู้จักผู้กำกับ และไขความลับเม็ดเงินที่เค้าทำได้กันบ้าง ตอนนี้ในหมู่คอหนังกำลังมีประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึงภาพยนต์เรื่อง Dunkirk ที่มีเพจอวยคะแนนกันจนดูเหมือนเว่อร์วัง และกลุ่มคนที่ไปรับชมแล้วไม่ถูกใจก็ออกมาคัดค้านว่า เฮ้ย เพจพวกแกนี่ถูกจ้างมารึเปล่าเนี่ย แต่เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่เราสังเกตก็คือ สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นที่พูดถึงมันมาจากลายเซ็นต์ คริสโตเฟอร์ โนแลนด์ ผู้กำกับเรื่องนี้ต่างหาก
“ถ้าโนแลนด์กำกับเรื่องนี้จะเกิดอะไรขึ้น?”
วลีนี้ผ่านตาบ่อยเหลือเกินตามเพจหนัง สำหรับคนที่ไม่รู้จักโนแลนด์อาจจะยังเกาหัวอยู่ว่า ทำไมต้องเป็นไอ้หมอนี่ด้วย แต่ถ้าพูดถึงลิสต์หนังที่พี่แกเคยกำกับแล้วอาจจะร้องอ้อกันบ้าง เพราะพี่แกกำกับแต่เรื่องใหญ่ๆทั้งนั้น เช่น Batman Begins (2005) / Batman2 The Dark Night (2008) / Batman3 The Dark Night Rises (2012) / Inception (2010) / Interstellar (2014) และอีกหลายเรื่อง ที่พอฉายเข้าโรงทีไรจะต้องมีเสียงฮือฮาตามมาทุกที
อย่างเรื่อง Inception ที่ทุกวันนี้เราเองก็ยังไม่รู้เลยว่าสรุปแล้วนี่มันจบยังไงนะ พี่แกเล่นซ่อนปมซับซ้อนบังคับให้เราติดตามอย่างปวดหัว แต่เราก็ยังจำยอม เพราะคนส่วนใหญ่ก็เป็นทาสของความอยากรู้กันทั้งนั้น ความเพี้ยนที่ชอบยัดสิ่งที่ทำให้คนดูปวดหัวของแกนั้นไม่ได้ไร้ประโยชน์เลย เพราะพี่แกเป็นผู้กำกับอีกหนึ่งคนที่สร้างหนังทำรายได้สูงมาตลอด อย่างหนังเรื่อง The Dark Knight Rises (2012) ก็ฟันเงินไปตั้ง 1,084 ล้านดอลลาร์ เชียว อันดับที่ 7 ของหนังทำเงินสูงสุดในโลก ก่อนจะถูกหนังเรื่องอื่นแซงไปจนตกมาเป็นอันดับที่ 19 ในปัจจุบัน แต่ถ้ารวมยอดเงินจากหนังของแกทั้งหมดนั้นก็มหาศาลกว่า 3,700 ล้านดอลลาร์ เลยนะคะคุณ
ความสำเร็จนี้ ส่วนใหญ่ก็มาจากกึ๋นของโนแลนด์เอง และอีกส่วนที่ใหญ่ไม่แพ้กัน ก็มาจากแฟนคลับของพี่แกนั่นแหละ อารมณ์ประมาณอยากให้พี่แกตบหน้าความไม่รู้ด้วยความซับซ้อนของภาพยนต์
เขยิบมาใกล้บ้านเรากันหน่อย คนนี้หลายคนที่ไม่ใช่คอหนังอาจไม่คุ้นหูเลย แต่ถ้าเคยดูหนังที่เค้ากำกับมาแล้วละก็ จะรู้เลยว่าไม่มีใครที่ทำแบบนี้ได้แล้ว
คนๆนั้นคือ หว่อง กาไวย์ ผู้กำกับสัญชาติฮ่องกง เรื่องอมตะที่สร้างชื่อให้ผู้กำกับคนนี้คือ Days of Being Wild ที่ฉายตั้งแต่ปี 1994 ด้วยการใช้โทนสีหนังที่ดูหลุดแบบแปลกๆ สไตล์หนังที่เซื่องซึมสุดขั้ว เหงาสุดขีด และอ้างว้างสุดหัวใจ เอาเป็นว่าถ้าลองได้ดูแล้วจะรู้ถึงคำว่า #กระทำความหว่อง ก็แล้วกัน
แต่ความสำเร็จของหว่องนั้นอาจมาช้าไปหน่อย เพราะกว่าหนังของแกจะได้เข้าชิงรางวัลต่างๆก็ปาไปปี 2000 โดยหนังเรื่อง In the Mood for Love และรายได้จากหนังของหว่องเองก็ไม่ได้น่าอวดมากนัก แต่เอาก็เอาเถอะใครจะว่ากระไรได้ เพราะตอนนี้แกมีลายเซ็นต์ หว่อง ติดตัวจนสร้างฐานแฟนคลับมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยยี่สิบต้นๆ ถึงสามสิบปลายๆ ที่โอดครวญถึงกลิ่นอายในยุค 90’s รวมไปถึงการส่งอิทธิพลด้านเโทนสีในหนังไปสู่หนังรางวัลออสการ์ปีล่าสุดอย่าง Moonlight อีกด้วย
ต่อมาก็ในบ้านเรานี่แหละ สำหรับผู้กำกับที่ดูเหมือนจะฮอตที่สุดในช่วงปีนี้คงหนีไม่พ้น เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ผลงานที่ดูเหมือนเหมือนจะประสบความสำเร็จมากที่สุดของเค้าก็คือภาพยนต์เรื่อง ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย.. ห้ามพัก.. ห้ามรักหมอ ที่คว้ารางวัลจากงานภาพยนตร์แห่งชาติสุพรรณหงส์ปี 2558 ไป 2 รางวัล นั่นคือ ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และหลายคนอาจไม่รู้ว่านวพลยังได้ร่วมเขียนบทในภาพยนตร์ทำเงินอย่าง รถไฟฟ้า มาหานะเธอ, Top Secret วัยรุ่นพันล้าน, รัก 7 ปี ดี 7 หน และ Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ แต่ก่อนจะก้าวมาจดนี้ นวพลมีผลงานมาก่อนแล้วหลายเรื่อง เช่น 36 (พ.ศ. 2555) / Mary is happy, Mary is happy (พ.ศ. 2556), เดอะมาสเตอร์ (พ.ศ. 2557) และผลงานล่าสุด Die Tomorrow พรุ่งนี้ตาย ที่เตรียมฉายในปีนี้ รวมไปถึงโฆษณา มิวสิควีดีโอ และหลายสิ่งที่นวพลมีเวลาพอจะทำ
หนังของนวพลมีกลิ่นอายแปลกๆที่บ่งบอกว่าเป็นตัวเค้า การเล่าเรื่องย้อนสลับกลับไปมาใน Mary is happy, Mary is happy ก็เรื่องหนึ่ง การเดินเรื่องแบบช็อคใน 36 ก็เรื่องหนึ่ง และความขลุกขลักที่ดูเป็นธรรมชาติใน ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย.. ห้ามพัก.. ห้ามรักหมอ ก็อีกเรื่องหนึ่ง รวมไปถึงการยึดโยงวนเวียนเอาเรื่องราวของวัยรุ่นมาเล่าในหนัง และการหยิบเอาเพลงที่เข้ากันได้ดีเหลือเกินกับอารมณ์หนัง (และตรงใจผู้เขียนเป็นที่สุดในหลายๆเรื่อง) อย่างในฉากพระเอกจินตนาการงานศพของตัวเองในเรื่อง ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย.. ห้ามพัก.. ห้ามรักหมอ ที่คลอด้วยเพลง เวลานี้ - Napat Snidvongs ที่ทำให้กลายเป็นฉากโปรดของเราไปเลยทีเดียว
เอาล่ะ มาว่ากันในเรื่องเงินๆทองๆกันบ้าง สำหรับนวพลนั้นเพิ่งจะก้าวเข้ามาสู่กระแสหลักจากเรื่อง ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย.. ห้ามพัก.. ห้ามรักหมอ เป็นเรื่องแรก ส่วนหนังก่อนหน้าที่เค้าทำมานั้น สามารถสร้างรายได้เล็กๆน้อยๆ แต่ก็ถือว่าเติบโตมากในกลุ่มหนังอินดี้ที่มีประชากรน้อยแต่เหนียวแน่น โดย ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย.. ห้ามพัก.. ห้ามรักหมอ ทำรายได้ 86.07 ล้านบาท สูงเป็นอันดับสองในปี 2558 และถือว่าสูงสำหรับหนังปก mass แต่เนื้อใน independent และน่าจะเป็นบันไดที่จะปูให้นวพลโลดโผนในวงการหนังอินดี้ (และกระแสหลักในบางที) ไปอีกนาน ใครจะรู้สุดท้ายนวพลอาจจะดังหลุดโลกแบบคริสโตเฟอร์ โนแลนด์ก็
3 ผู้กำกับที่เราได้หยิบยกมา เราถือให้พวกเค้าเป็นไอดอลของการแสดงออกอย่างเป็นตัวเองจนสร้างเม็ดเงินได้อย่างเหลือเชื่อ แก่นของเรื่องก็คือใครเป็นตัวเองได้มากกว่าก็ย่อมแตกต่างไม่ว่าจะวงการไหน ผลงานที่ถูกจดจำผ่านภาพลักษณ์และลายเซ็นต์นี่เอง ที่จะสร้างฐานลูกค้าได้อย่างยืนยาว