"บิ๊กตู่" ดันไทย "สังคมไร้เงินสด" ไม่ต้องกลัวถูกวิ่งราว

"บิ๊กตู่" ดันไทย "สังคมไร้เงินสด" ไม่ต้องกลัวถูกวิ่งราว

"บิ๊กตู่" ดันไทย "สังคมไร้เงินสด" ไม่ต้องกลัวถูกวิ่งราว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกฯ สนับสนุนการใช้ระบบชำระเงิน อี-เพย์เมนท์ เพื่อให้ประชาชนเกิดความสะดวกสบาย ไม่ต้องถือเงินสด ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทอน เป็นสังคมไร้เงินสด ไม่ต้องขนเงินไปมากมาย ไม่ต้องกลัวถูกฉกชิงวิ่งราว หรือการซื้อของทั่วไป ก็ไม่ต้องกังวลไม่ต้องไปกดเอทีเอ็ม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ที่มีช่วงหนึ่งกล่าวถึงการสนับสนุนการใช้ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อี-เพย์เมนท์) เพื่อให้ประชาชนเกิดความสะดวกสบาย ไม่ต้องถือเงินสด ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทอน หรือเงินหล่นหาย และยังเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบในภาพรวม โดยมีการวางมาตรฐานความปลอดภัยให้ทั่วถึง และเป็นธรรมด้วย รวมทั้ง ยังจะช่วยลดการใช้เงินสดในระบบ ที่เป็นต้นทุนลง เนื่องจากแต่ละปี มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาท ตั้งแต่การผลิต การนับคัดธนบัตร หรือหมุนเวียนธนบัตรเก่าออกจากระบบ และใส่ธนบัตรใหม่ในระบบ รวมถึงการขนส่งที่ต้องมีการดูแลรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด

ทั้งนี้ สังคมไร้เงินสด ช่วยให้ประชาชนจะได้รับความสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น เพราะไม่ต้องพกเงินสดไปไหนมาไหน โดยเฉพาะถ้าต้องไปซื้อสินค้าราคาสูง ๆ ก็ไม่ต้องขนเงินไปมากมาย ไม่ต้องกลัวถูกฉกชิงวิ่งราว หรือการซื้อของทั่วไป ก็ไม่ต้องกังวลไม่ต้องไปกดเอทีเอ็ม หรือผู้ขายก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการทอนเงิน และการทำธุรกรรม หรือการซื้อขาย ก็คล่องตัวขึ้น ใช้เวลาน้อยลง

mon0209601-1


สำหรับการสนับสนุนให้การชำระเงินของประเทศ มีความเชื่อมโยง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย จัดทำแผน เนชั่นแนล อี-เพย์เมนท์ ของประเทศขึ้น โดยได้รับความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ เพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่สะดวก ประหยัด ปลอดภัย และเป็นธรรม มีการดำเนินงานแบ่งเป็นโครงการต่างๆ ได้แก่ โครงการพร้อมเพย์ ที่เป็นโครงการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือหรือระบบอินเตอร์เน็ต ล่าสุดมีจำนวนผู้ลงทะเบียนแล้วถึง 32 ล้านเลขหมาย และมีการโอนเงินสะสมกว่า 100,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกันยังมีการใช้เครดิตการ์ด หรือเดบิตการ์ด ที่ผลักดันให้มีการปรับเปลี่ยนให้บัตร เอทีเอ็ม และบัตรเดบิต มาเป็น “แบบชิพการ์ด” ทั้งหมดภายในปี 2562 เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของการใช้บัตรด้วย เป็นทางเลือกใช้บริการ ที่กว้างขวางมากขึ้น ตามความสะดวก ตรงกับความต้องการอีกทั้งการติดตั้งเครื่องรูดบัตรให้ขยายออกไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ จะสอดรับกับนโยบายการใช้ “บัตรสวัสดิการของภาครัฐ” เพื่อให้กลุ่มประชาชนฐานรากสามารถนำมาใช้ซื้อสินค้าและบริการอีกด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook