ลงทุน LTF และ RMF อย่างไรให้คุ้ม

ลงทุน LTF และ RMF อย่างไรให้คุ้ม

ลงทุน LTF และ RMF อย่างไรให้คุ้ม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนึ่งในการวางแผนการเงินที่สำคัญที่เราไม่สามารถละเลยหรือหลงลืมไปได้เลย ก็คือ การวางแผนภาษี เพราะการที่เราวางแผนภาษีได้เป็นอย่างดี จะทำให้เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายทางภาษี และดียิ่งไปกว่านั้นคือ เราสามารถเปลี่ยนค่าใช้จ่ายทางภาษีให้เป็นเงินออมได้

ในตอนนี้นิเลยอยากจะมาเล่าสู่กันฟังถึงสินค้าทางการเงินที่สำคัญที่สามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ นั่นก็คือ กองทุน LTF และ RMF ค่ะ

600x600px_04092017

โดยที่ LTF คือ Long Term Equity Fund หรือ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่เน้นการลงทุนในหุ้นเป็นหลัก (65% ขึ้นไป) เหมาะสำหรับคนทุกกลุ่มที่ต้องการลงทุนในหุ้นระยะยาว แต่อาจไม่มีความชำนาญเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น หรือไม่มีเวลาติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด โดยมีเงื่อนไขในการซื้อ ดังนี้

สามารถซื้อ LTF ได้สูงสุด 15% ของรายได้และไม่เกิน 500,000 บาท
LTF ที่ซื้อตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไปต้องถือไว้อย่างน้อย 7 ปีปฎิทิน (ก่อนปี 2559 ต้องถือไว้อย่างน้อย 5 ปีปฏิทิน) จึงจะสามารถขายได้โดยไม่ผิดเงื่อนไข

RMF คือ Retirement Mutual Fund หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท โดยมีวัตถุประสงค์ส่งเสริมให้เกิดการออมเงินระยะยาวเพื่อการเกษียณ โดยมีเงื่อนไขในการซื้อ ดังนี้

สามารถซื้อ RMF ได้สูงสุด 15% ของรายได้และเมื่อรวมกับจำนวนเงินที่สมทบเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และประกันชีวิตแบบบำนาญแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
นอกจากนี้ RMF ยังมีเงื่อนไขในการซื้อ คือต้องซื้อติดต่อกันทุกปี โดยซื้อรวมกันทั้งปีแล้วต้องไม่ต่ำกว่า 3% ของรายได้หรือ 5,000 บาท และต้องถือไว้เกินกว่า 5 ปี และมีอายุเกิน 55 ปี ถึงจะสามารถขายได้

ดังนั้นหากต้องการลงทุนใน LTF และ RMF ให้คุ้ม อย่างแรกเลยเราต้องเข้าใจสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี รวมไปถึงเงื่อนไขต่างๆ เพื่อที่เราจะได้ไม่เผลอทำผิดเงื่อนไข เพราะการทำผิดเงื่อนไขนั้น นอกจากเราต้องคืนเงินภาษีที่ได้มาแล้ว เรายังต้องเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่มอีกต่างหาก

ถัดมาเราต้องมีแผนการลงทุนที่เหมาะสมของตัวเองด้วยค่ะ นั่นคือ เราต้องมีเป้าหมายและระยะเวลาการลงทุนที่ชัดเจน รู้ระดับความเสี่ยงที่รับได้ของตัวเอง เพื่อที่จะได้เลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงของตัวเองได้อย่างเหมาะสม มีกลยุทธ์การลงทุนที่ดี และที่สำคัญเราต้องมีความรู้และความเข้าใจที่ดีพอในสิ่งที่เราลงทุนด้วยค่ะ

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ต้องมีระบบการติดตามและวัดผลการลงทุน เช่น มีการบันทึกข้อมูลการซื้อขาย และทบทวนผลการดำเนินงานของกองทุนที่เราเลือกอย่างสม่ำเสมอ ว่ายังเป็นไปตามที่เราต้องการหรือไม่ เพื่อปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงการลงทุนของเราให้ได้รับผลตอบแทนที่ตอบโจทย์ที่สุด

สามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์การวางแผนการเงิน สามารถส่ง email มาได้ที่ nipapuntalk@hotmail.com แล้วพบกันในตอนต่อไปค่ะ

ผู้เขียน โค้ชนิ นิภาพันธ์ พูนเสถียรทรัพย์ CFP® เจ้าของผลงาน pocket book ‘เปลี่ยนชีวิตสู่ความมั่งคั่งด้วยการวางแผนการเงิน’ ‘มีเงินล้านด้วยการวางแผนการเงิน’ ‘อยากรวยต้องรู้จักวางแผนการเงิน’ ‘รวยทะลุเป้า’ ‘12 ขั้นตอนสู่...นักวางแผนการเงิน’ และ ‘ขายทะลุเป้า เมื่อขายแบบที่ปรึกษา’

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook