กรมฯน้ำ จ่อเรียกเก็บเงินค่าใช้น้ำ "เกษตร-ท่องเที่ยว-โรงงานใหญ่"
อธิบดีกรมฯน้ำ เปิดแถลงแจงร่างพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ เผยการจัดสรรน้ำ 3 ประเภท เรียกเก็บเฉพาะการใช้น้ำด้านเกษตร-ท่องเที่ยว-อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ส่วนใช้เพื่อดำรงชีพยกเว้น มีผลบังคับใช้ ต.ค.-พ.ย.นี้ พร้อมออกกฎหมายลูกและรับฟังความเห็น ปชช. ก่อนออกกฎกระทรวงต่อไป
นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวในการ จัดแถลงข่าวการจัดทำร่างพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ....ว่า ร่างพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำที่รัฐบาลผลักดันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในขณะนี้ หากมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายจะอยู่ภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรนํ้าแห่งชาติ(กนช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
ทั้งนี้หลักของกฎหมายได้กำหนดประเภทการใช้น้ำไว้ 3 ประเภท คือ
ประเภทที่ 1 ใช้นํ้าเพื่อการดำรงชีพ ไม่ต้องเสียค่าใช้นํ้า
ประเภทที่ 2 ใช้นํ้าด้านการเกษตร เลี้ยงสัตว์เพื่อการพาณิชย์ เก็บค่าน้ำไม่เกิน 50 สตางค์ต่อลบ.ม.
ด้านการท่องเที่ยว โรงแรม สถานที่พักผ่อน ร้านอาหาร เก็บค่าน้ำ 1-3 บาทต่อลบ.ม.
ด้านธุรกิจสนามกอล์ฟ การผลิตพลังงานไฟฟ้า การประปาสัมปทาน เก็บค่าน้ำไม่เกิน 3 บาทต่อลบ.ม.
ประเภทที่ 3 สำหรับภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ การผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ และกิจการอื่นๆ ที่ใช้น้ำในปริมาณมากตามมติของกนช. เก็บค่าน้ำไม่ต่ำกว่า 3 บาทต่อลบ.ม.
ทั้งนี้คาดว่าในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ จากนั้นภายใน 180 วันจะมีการออกกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ โดยจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนทั่วประเทศอีกครั้งโดยเฉพาะเรื่องอัตราการเก็บค่าน้ำ ก่อนจะออกเป็นกฎกระทรวง