ค่าเดินทางภัยเงียบของคนทำงาน !
การที่เราออกไปทำงานหารายได้ในทุกวันนี้ ย่อมมีค่าใช้จ่ายต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ บางอย่างเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น หากเราไม่จ่ายค่าอาหาร เราก็คงไม่มีแรงทำงาน หากเราไม่จ่ายค่าเดินทาง เราก็คงไม่สามารถไปถึงที่ทำงานได้ เป็นต้น และค่าใช้จ่ายเหล่านี้แหล่ะ มีอยู่อย่างหนึ่งที่เป็นภัยเงียบของคนทำงานอย่างเรา นั่นก็คือ “ค่าเดินทาง” เรามาดูกันว่าเป็นอย่างไร
“ค่าเดินทาง” เป็น ค่าใช้จ่ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเราต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อให้เราสามารถไปถึงที่ทำงานได้ ซึ่งจะมากน้อยก็แล้วแต่ระยะทางระหว่างบ้านกับที่ทำงานของแต่ละคน บางคนก็เสียน้อยบางคนก็เสียมาก คนที่เสียน้อยก็แล้วไป แต่บางคนนั้นเสียค่าเดินทางมากถึงวันละ 200 บาทขึ้นไปก็มี ซึ่งหากคำนวณคร่าวๆ แล้วจะเท่ากับ 200 x 22 = 4,400 บาท (คิดวันทำงานที่ 22 วันต่อเดือน) ซึ่งถือว่าเยอะมากเลยทีเดียว
และหากหักส่วนนี้จากเงินเดือนโดยยกตัวอย่างที่เงินเดือน 20,000 บาท ต่อเดือน จะเท่ากับ 20,000 – 4,400 = 15,600 บาท ซึ่ง 15,600 บาทนี่คือเงินเดือนที่เราจะเหลือไว้ใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ ของเรา แต่อย่าลืมว่าที่คิดมานี้คือ เฉพาะค่าเดินทางเท่านั้น ยังไม่รวมค่าอาหารและค่าใช้จ่ายอื่นๆ หากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ จนครบแล้ว บางทีอาจจะไม่เหลือเงินเก็บก็ได้ แต่หากร้ายกว่านั้นก็อาจจะไม่พอใช้จนเป็นหนี้ก็ได้ แล้วเราจะทำอย่างไรดีกับค่าเดินทางเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์กับเราที่สุด วันนี้ Moneyguru มีคำแนะนำมาฝากกัน ไปดูกันได้เลย
เช่าหอพักใกล้ที่ทำงาน
หากระยะทางที่เราต้องเดินทางนั้นไกลมากๆ การเช่าหอพักก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะนอกจากประหยัดเวลาในการเดินทางแล้ว ยังทำให้เราไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทางอีกด้วย ซึ่งเราจะสามารถพักผ่อนเพื่อชาร์จพลังไว้ลุยกับงานในวันต่อๆ ไป โดยค่าเช่าหอพักที่เลือกอาจจะคำนวณจากค่าเดินทางที่เราต้องใช้ในแต่ละเดือนก็ได้ เพราะจะได้ไม่เป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับเรานั่นเอง แค่เปลี่ยนจากค่าเดินทางมาเป็นค่าเช่าหอพัก
ผ่อนรถจักรยานยนต์
บางคนเลือกที่จะนำเงินค่าเดินทางไปเป็นค่าผ่อนรถจักรยานยนต์ก็มี เพราะว่าอย่างน้อยค่าเดินทางที่เราจ่ายไปในแต่ละเดือนนั้นไม่สูญเปล่า ซึ่งส่วนใหญ่ค่าเดินทางก็ไม่ต่ำกว่า 2,500 บาท จึงทำให้เกิดแนวคิดว่าเอาเงินส่วนนี้มาผ่อนรถจักรยานยนต์เพื่อขับขี่ไปทำงานก็คงดีไม่ใช่น้อย ยังไม่รวมถึงใช้ขับขี่ไปซื้อของแถวบ้านในวันหยุดอีกนะครับ พอมีแล้วประโยชน์ใช้สอยมันก็จะค่อยๆ ตามเข้ามา แต่อย่าลืมนะครับว่าหากมีรถ เราก็ต้องมีใบขับขี่ด้วย รวมถึงมีเงินเก็บในส่วนของค่าสึกหรอจากการใช้งานไว้ด้วย เพราะเวลารถเสีย เราจะได้มีเงินจ่ายค่าอะไหล่หรือค่าซ่อม และสุดท้ายเมาไม่ขับนะครับ
ใช้จักรยานเดินทางมายังสถานีรถไฟฟ้า
หากเราต้องเดินทางไปทำงานโดยรถไฟฟ้าในทุกวัน ย่อมเข้าใจว่าค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ดังนั้นหากเราต้องต่อรถจากบ้านเพื่อเดินทางมายังสถานีรถไฟฟ้า การเลือกใช้จักรยานปั่นมายังสถานีรถไฟฟ้าก็ถือเป็นตัวเลือกที่หลายๆ คนใช้ เพราะนอกจากประหยัดเงินแล้ว ยังทำให้เราได้ออกกำลังกายอีกด้วย ตื่นเช้าขึ้นอีกนิดเพื่อที่จะได้ไม่เจออากาศร้อน ค่อยๆ ปั่นมาเรื่อยๆ ไม่นานก็ถึงสถานีรถไฟฟ้าครับ
เลือกที่ทำงานใกล้บ้าน
ข้อสุดท้ายนี้หากใครทำได้ ถือว่าโชคดีมากๆ ครับ เพราะนอกจากจะประหยัดค่าเดินทางแล้ว ยังประหยัดเวลาในการเดินทางได้อีกด้วย บางคนได้ที่ทำงานใกล้บ้านเพียงเดิน 10 นาทีก็ถึงที่ทำงาน แต่บางคนนั้นโชคไม่ค่อยดีต้องใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงที่ทำงาน ซึ่งนี่ยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีก ยิ่งไกลยิ่งมีค่าใช้จ่ายสูง และการเดินทางนานๆ ย่อมสร้างความเหนื่อยล้าให้กับเราอีกด้วย ดังนั้นตอนหาสมัครงานขอแนะนำให้หางานในพื้นที่ใกล้กับบ้านหรือที่พักของเราได้ก็จะเป็นการดีครับ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนทำงานนะครับ จะได้ลดค่าใช้จ่ายการเดินทางและมีเงินมากขึ้น คราวหน้าจะมีเคล็ดลับอะไรมาฝาก อย่าลืมติดตามนะครับ