ผ่าสิทธิประโยชน์ประกันสังคม เก็บเงินสมทบเพิ่มได้อะไร?
หลังชัดเจนแล้วว่า สำนักงานประกันสังคม มีแนวคิดเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนจากผู้ประกันตนเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นเดือนละ 1,000 บาท ในกลุ่มที่มีเงินเดือน 2หมื่นบาทขึ้นไป ทำให้มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในวงกว้าง
ล่าสุดเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับทีมข่าว PPTV ว่า การเก็บเงินเพิ่มขึ้น หมายถึงสิทธิประโยชน์ที่จะสามารถให้กับผู้ประกันตนได้เพิ่มขึ้นด้วย โดยเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมรูปแบบใหม่ จะคิดตามฐานเงินเดือน คือ ฐานเงินเดือน ไม่ถึง 16,000 จ่ายสมทบ 750 บาท ฐานเงินเดือน 16,000 แต่ไม่เกิน 17,000 จ่ายสมทบ 800 บาท ฐานเงินเดือน 17,000 แต่ไม่เกิน 20,000 บาท จ่ายสมทบ 850 บาท และ ฐานเงินเดือน 20,000 บาทขึ้นไปจ่ายสมทบ 1,000 บาท ต่อ เดือน
นี่เป็นแนวคิดที่สำนักงานประกันสังคมระบุว่า สรุปจากการรับฟังความคิดเห็น ของนายจ้าง และลูกจ้าง กว่าร้อยละ 80 เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ หลังได้รับฟังสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับเพิ่มขึ้น สำนักงานประกันสังคม ระบุว่า คนที่จ่ายเงินสมทบมาก กับ คนที่จ่ายเงินสมทบน้อย จะได้ผลประโยชน์ไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างกลุ่มที่เงินเดือน 2 หมื่นบาทขึ้นและต้องจ่ายเดือนละ 1พันบาท ประกอบด้วย
- เงินขาดรายได้หากเจ็บป่วยแล้วต้องหยุดงานเกิน 30 วัน มีสิทธิเบิกประกันสังคมจากเดิม 7,500 บาท ได้เพิ่มเป็น 10,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน
- เงินสงเคราะห์คลอดบุตร เดิมได้รับ 22,500 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 30,000 บาท
- เงินชดเชยทุพพลภาพได้รับตลอดชีวิต จากเดิมได้รับ 7,500 บาท ได้เพิ่มเป็น 10,000 บาท ต่อ เดือน
- กรณีว่างงาน จากการลาออกตามกฎหมาย ได้รับ 3 เดือน จากเดิมเดือนละ 4,500 บาท เป็น 6,000 บาท แต่หากถูกนายจ้างเลิกจ้าโดยไม่ได้ทำผิดตามกฎหมาย ได้รับ 6 เดือน จากเดิมเดือนละ 7,500 บาท เป็น 10,000 บาท
- หากเสียชีวิต นอกจากค่าทำศพ 40,000 บาท แล้ว จะได้รับเงินสงเคราะห์ จากเดิม 7,500 เป็น 10,000 บาท
- เงินชราภาพ หรือ บำนาญ หากส่งครบ 180 เดือน จะได้รับ จากเดิมเดือนละ 3,000 บาท เป็น 4,000 บาท
หากฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วไป ก็ยังมีมุมมองเรื่องนี้แตกต่างกัน โดยขณะนี้มีผู้ประกันตนในกองทุนประกันสังคม กว่า 11,500,000 คน ในจำนวนนี้ ร้อยละ30 มีเงินเดือนมากกว่า 15,000 บาท และต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้นจากแนวคิดปรับฐานจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคม หรือ คิดเป็น 3,450,000 คน แต่แนวคิดนี้ ยังอยู่ระหว่างการส่งให้ รัฐบาล พิจารณา คาดว่าจะเข้าที่ประชุม คณะรัฐมนตรีช่วงต้นปี 2561