วอร์เรน บัฟเฟตต์ เชื่อ 'สกุลเงินดิจิตอลคือสบู่ที่รอวันแตก'
กลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้บรรยายแนวความคิดและการใช้ชีวิตให้กับคนรุ่นใหม่ฟัง ซึ่งคนรุ่นใหม่เหล่านี้ประกอบไปด้วยเด็กมหาวิทยาลัยชื่อดังจาก 10 มหาวิทยาลัย และเด็ก ม.ปลายที่อยู่ใกล้กับเมืองโอมาฮาสามารถเข้าฟังการบรรยายได้ การบรรยายเกิดขึ้นที่โรงแรม Hilton ใจกลางของเมืองโอมาฮา ซึ่งวอร์เรน บัฟเฟตต์ใช้เวลากว่าครึ่งวันในการบรรยาย ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจมีด้วยกัน 3 ประเด็น ดังนี้
***Bitcoin และสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ
วอร์เรน บัฟเฟตต์ มองต่างไปจากคนอื่นๆ โดยเขาไม่เชื่อว่า สกุลเงินดิจิตอลเป็นการลงทุนที่ดีนัก พร้อมกับให้ความเห็นด้วยว่า มันน่าจะจบไม่สวยซักเท่าไร (It will end badly.)
"มีคนจำนวนมากรู้สึกตื่นเต้นกับการวิ่งขึ้นเป็นอย่างมากของราคาสกุลเงินดิจิตอล ใครๆ ก็ซื้อมัน ขนาดนักวิเคราะห์ในวอลสตรีทที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับมันยังบอกว่านี้คือการลงทุนที่สมเหตุสมผล"
Bitcoin คือสกุลเงินดิจิตอลที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในขณะนี้ มีมูลค่าตลาดสูงถึง 9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ อาจแสดงถึงราคาที่สูงเกินไปหรือไม่ มีแต่นักลงทุนเท่านั้นที่สามารถตอบได้
"มีคนจำนวนมากพยายามที่จะคิดค้นสูตรในการหามูลค่าของ Bitcoin ว่ามันควรอยู่ที่เท่าไรกันแน่ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะยังไม่เจอ แต่ผมคิดว่ามันไม่สามารถหาได้อยู่แล้ว เพราะมันไม่ใช่สินทรัพย์ที่เราจะประเมินค่าได้ (it’s not a value-producing asset)"
"นี่คือฟองสบู่ที่จะรอวันแตกเร็วๆ นี้"
***นวัตกรรมไร้คนขับยังไม่มีความชัดเจน
เมื่อตอนต้นเดือนที่ผ่านมา มีข่าวฮือฮาอยู่เรื่องหนึ่งนั้นคือ เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เข้าซื้อบริษัท Pilot Flying J เจ้าของ Pilot Travel Centers จุดให้บริการจอดรถบรรทุก บริการเติมน้ำมันในสหรัฐอเมริกา บัฟเฟตต์มองว่าธุรกิจ Pilot Flying J เป็นธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง แต่คำถามสำคัญคือมันจะอยู่ได้อีกนานเท่าไร
เขามักจะถูกถามเกี่ยวกับเรื่องของ AI รถที่ไร้คนขับ หรือระบบรถพลังงานไฟฟ้าที่ไม่ใช้พลังงานน้ำมัน บัฟเฟตต์ชี้แจ้งว่าเขาไม่กังวลกับเรื่องพวกนี้มากนัก แต่ถ้าพูดถึงเรื่องรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า เขามองว่ามันมีโอกาสที่จะเป็นไปได้ที่จะกระทบกับรถบรรทุก แต่ถ้ารถที่ไร้คนขับตอนนี้ยังมองไม่เห็นปัจจัยเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน (a major imminent risk) กับอุตสาหกรรมคนขับรถบรรทุก เขายังสงสัยอีกว่าในปี 2030 จะมีรถที่ไร้คนขับมากถึง 10% ของจำนวนรถทั้งหมดหรือไม่
"การที่ผมคิดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่า ผมไม่ชอบในเรื่องนวัตกรรมไร้คนขับหรอกนะ ผมรู้สึกเห็นด้วยถ้าโลกเราพัฒนาไปไกลถึงขนาดนั้น เพราะเรื่องที่น่ายินดี คือ เราจะเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่รถน้อยลง"
***พลังงานสะอาด
บัฟเฟตต์ มีมุมมองเชิงบวกในเรื่องของพลังงานสะอาด บริษัท เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ ได้ลงทุนไปมากถึง 1.7 หมื่นล้านเหรียญกับพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ เขามองว่าโลกกำลังขับเคลื่อนไปในทิศทางนั้น และถ่านหินน่าจะใกล้ถึงตอนจบ
เขายังยกตัวอย่างด้วยว่า รัฐไอโอวา เป็นรัฐตัวอย่างที่ควรศึกษา ใน 3 ปีข้างหน้าทั้งรัฐจะสามารถผลิตพลังงานลม แล้วใช้ภายในรัฐได้อย่างเพียงพอ
คำแนะนำสำหรับเด็กรุ่นใหม่
แน่นอน การบรรยายครั้งนี้มีเด็กรุ่นใหม่จำนวนมากเข้าฟังตามที่ระบุไว้ตั้งแต่ต้น มีหรือที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ จะไม่พูดถึงการแนะแนวแนวทางสำหรับเด็กที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในวันข้างหน้า บัฟเฟตต์บอกว่าหัวข้อนี้มันกว้างมาก ถ้าพูดทั้งวันก็คงจะไม่หมด แต่หลักใหญ่ๆ แล้วเขาอยากจะพูดถึง 'การทำงาน' และ 'การใช้ชีวิต' มากกว่า
ปัจจุบันบัฟเฟตต์ อายุ 87 ปีแล้ว และในทุกๆ วันเขายังคงตื่นแต่เช้า และทำงานทุกวัน เขามีความกระตือรือร้นที่จะเดินเข้าบริษัท นั่งที่โต๊ะทำงาน และอ่านรายงานที่ถูกวางไว้อยู่บนโต๊ะ คุณจะทำแบบนั้นได้ คุณจะต้องทำในสิ่งที่คุณรักเท่านั้น นอกจากนั้นเขายังบอกอีกว่า 'ให้มองหางาน ที่คุณทำแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้ทำงาน'
บัฟเฟตต์ยังเน้นย้ำอีกว่า สิ่งสำคัญคือ ให้เอาตัวเองไปเกี่ยวข้องกับคนที่มีความสามารถ 'มากกว่าคุณ' อยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้คุณจะพัฒนาตัวเองให้เก่งมากขึ้น ทั้งทางด้านการกระทำและทางด้านความคิด พอคุณมองที่ตัวเองอีกที คุณจะเก่งขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว บัฟเฟตต์ยังแถมท้ายอีกว่า 'เพื่อนที่พิเศษเพียงไม่กี่คน คือ Asset ที่ล้ำค่าที่สุดแล้ว (A wonderful group of friends is the biggest asset.)'
สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่คิดอยากจะเป็นนักลงทุนหรือทำงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น บัฟเฟตต์แนะนำว่า 'ความฉลาดทางอารมณ์ สำคัญกว่าความฉลาดทางปัญญา (temperament is far more important than IQ)'
"ถ้าคุณสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ นั่นแสดงความคุณควบคุมตลาดได้ (If you can handle yourself, you can handle markets)"
ก่อนที่จะจบบทความนี้ มีคำพูดหนึ่งที่น่าสนใจที่อยากฝากเด็กรุ่นใหม่เอาไว้ บัฟเฟตต์กล่าวว่า 'อย่าลืมที่จะมอบรางวัลชีวิตให้กับตัวเอง ทำชีวิตให้มีความสุขในทุกๆ วัน มีไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ และอยู่กับบุคคลที่เก่งกว่าคุณ'