3 สิ่งที่มนุษย์เงินเดือนควรรู้ก่อนสิ้นปี
เหลือเวลาอีกแค่เดือนครึ่งเท่านั้น ปี 2560 ก็จะจากลาเราไป แล้วแทนที่ด้วยปี 2561 และทุกครั้งที่เรากำลังผลัดปี สิ่งสำคัญสำหรับคนทำงานนั่นคือ เรื่องของการลดหย่อนภาษี การลงทุนเพื่อขยายความมั่งคั่ง เพื่อเป็นการย้ำเตือน เราจะมาทบทวน 3 สิ่งที่คนทำงานต้องรู้ก่อนสิ้นปีมาฝากกัน
เริ่มต้นทบทวน โดยตรวจสอบฐานะการเงินของตัวเองก่อนเลยว่า ตอนนี้มีทรัพย์สิน เช่น มีเงินฝากเท่าไร มีหนี้สินอยู่เท่าไร มีเงินลงทุนในกองทุนอะไรบ้าง ซื้อประกันอะไรบ้าง สิ่งเหล่านี้ถ้าเราจัดทำบัญชีไว้ก็เอามาคำนวณได้ไม่ยาก ยิ่งถ้ามีการจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายไว้ด้วยแล้ว จะช่วยให้เราเห็นพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเองได้อย่างชัดเจนขึ้น ถ้ารายจ่ายประเภทใดสูงเกินไป หรือไม่มีความจำเป็นก็สามารถตัดออกได้
ขณะเดียวกันก็ช่วยให้รู้ว่าถ้ารายได้ของเราน้อยเกินไป ไม่พอกับรายจ่าย ก็หาวิธีแก้ไข ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ ลดรายจ่าย และหารายได้เพิ่ม โดยปัจจุบันมีหลายอาชีพที่ทำเป็นอาชีพเสริมได้ เช่น ขายของผ่านออนไลน์ ทำคอนเทนต์ต่างๆ หารายได้จากโลกออนไลน์ เป็นต้น
พร้อมกันนี้ยังมีอีกอย่างที่ต้องทบทวนเลยคือ นิสัยการใช้เงิน โดยเฉพาะสิงห์นักช็อป ลองสำรวจในตู้ดูว่า เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องใช้ต่างๆ ที่ซื้อมาได้เอามาใช้บ้างหรือไม่ หรือยังคงวางอยู่สภาพเดิมจนเราลืมไปหมดแล้ว เผลอๆ ซื้อซ้ำของเดิมแบบไม่รู้ตัว อาจแค่เปลี่ยนสีไปก็เป็นได้ หากเจออย่างนี้อย่าไปเสียดายนำไปแปรเปลี่ยนเป็นเงินด้วยการนำไปโพสต์ขายผ่านออนไลน์ เก็บเงินไว้ใช้จ่ายปลายปีกันเถอะ
อีกเรื่องที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเราจะหลงลืมไปไม่ได้เลยก็คือการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนั้น ควรสำรวจตัวช่วย ที่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษี เรื่องแรกที่ควรรู้ สำหรับการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปี 2560 คือ มีการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ โดยมีการขยับเงินได้ขั้นต่ำขึ้นมาเป็น 120,000 บาทต่อปี จากฐานของผู้ที่ไม่ต้องจ่ายภาษีคือคนที่มีเงินเดือน 20,000 บาท เพิ่มขึ้นมาเป็น 26,000 บาท พูดง่ายๆ คือ มนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเดือนไม่ถึง 26,000 บาท ไม่ต้องจ่ายภาษีนั่นเอง
ส่วนที่สองคือ ตัวช่วยสำหรับคนที่ต้องจ่ายภาษี มาดูกันว่ามีตัวช่วยอะไรบ้างที่เราสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้บ้าง อย่างเช่น
1. ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) โดยซื้อได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินที่ได้รับ ซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ในปีภาษีนั้น รวมแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
2. ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เงื่อนไขคือซื้อได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินที่ได้รับ ซึ่งต้องเสียภาษีเงินได้ในปีภาษีนั้น สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
3. ประกันชีวิต สำหรับเบี้ยประกันชีวิตที่ได้รับการลดหย่อน เดิมจะมีสองประเภท ได้แก่ เบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป และเบี้ยประกันแบบบำนาญ แต่ล่าสุดกรมสรรพากรได้ประกาศให้สามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพมาหักลดหย่อนภาษีได้เพิ่มเติมอีกด้วย โดยหักลดหย่อนได้ตามจริง แต่ต้องไม่เกิน 15,000 บาท แต่เมื่อรวมค่าเบี้ยลดหย่อนประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
4. เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา อันนี้ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท
นอกจากตัวช่วยหลักๆ ที่หยิบยกมาเตือนเพื่อไม่ให้มองข้ามกันแล้ว ในการยื่นภาษีของปี 2560 ยังให้นำค่าซ่อมบ้านน้ำท่วม และค่าซ่อมรถน้ำท่วมมาเป็นตัวช่วย เพื่อแบ่งเบาภาระคนที่ถูกน้ำท่วมอีกด้วย และที่สำคัญปีนี้ยังมีมาตรการช็อปช่วยชาติให้นำไปหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท แต่ก่อนจะช่วยชาติ ต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าตัวคุณเองนั้นมีกำลังเงินสำหรับช็อปมากแค่ไหน
หลังจากทบทวน สถานะ-นิสัยการใช้เงินของตัวเอง และสำรวจตัวช่วยเพื่อลดหย่อนภาษีแล้ว เราก็จะรู้แล้วว่า ปีหน้าเราต้องเริ่มต้นใหม่อย่างไร ใครที่พลาดไปแล้วในปีนี้ ก็ลงมือเริ่มต้นวางแผนการเงินของปีหน้ากันใหม่ตั้งแต่วันนี้เลย โดยเริ่มต้นจากการแบ่งเงินออมกับเงินใช้จ่ายแบบง่ายๆ เงินได้ – เงินออม = เงินใช้ อาจเริ่มต้นลองออมเดือนละ 10% ของรายได้ก่อน และค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนการออมเป็น 20% หรือ 30%
โดยในยุคดอกเบี้ยต่ำอย่างนี้ เราจะออมอย่างไรกันดีให้เงินงอกเงยก็เป็นเรื่องสำคัญ ลองมองหาบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงินที่ให้ผลตอบแทนสูง หรือไม่ก็นำเงินหลังจากการออมไปลงทุนใน LTF, RMF เพื่อความอุ่นใจและช่วยลดหย่อนภาษี และถ้าจะไปมองหาการลงทุนอื่นๆ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดหรือใช้ที่ปรึกษาการลงทุนก่อนตัดสินใจ เพราะการลงทุนคือ ความเสี่ยง
ท้ายที่สุด ควรจำไว้ว่าถ้าเราวางแผนการเงินได้เร็ว และชาญฉลาดทำให้เงินงอกเงย เลือกออมเงินและลงทุนกับสถาบันการเงินที่ให้ผลตอบแทนสูง มนุษย์เงินเดือนอย่างเราก็ไม่ต้องกังวลตอนสิ้นปีอีกต่อไป