นักการตลาด วิเคราะห์เหตุผลการเกิดจลาจลวุ่นวายช่วงเทศกาลลดราคา 'Black Friday'
นักการตลาดของมหาวิทยาลัยอินเดียนา ได้ศึกษาหาคำตอบว่าอะไรเป็นสาเหตุทำให้เกิดจลาจลและความวุ่นวายในช่วงวัน Black Friday หรือวันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐฯ ที่ร้านค้าปลีกต่างๆ ประกาศลดแลกแจกแถมเพื่อส่งเสริมยอดขายช่วงปลายปี
Sharron Lennon นักการตลาดจากมหาวิทยาลัยอินเดียนา ตั้งข้อสังเกตจากการสำรวจจากจำนวนนักช็อป 189 คนว่า เคยแย่งของจากรถใส่สินค้าของคนอื่น, ตะโกนด่าพนักงาน หรือไม่พอใจถึงกับออกแรงล้มราวแขวนสินค้าหรือไม่ ปรากฏว่านักซื้อหลายคนที่เป็นผู้หญิงผิวขาว และมีการศึกษาดียอมรับว่าเคยมีพฤติกรรมเช่นนั้น
เธอได้อธิบายเพิ่มเติมว่า การช็อปปิงนั้น เป็นประสบการณ์ร่วมระหว่างผู้ขายกับผู้ซื้อ โดยผู้ซื้อคาดหวังว่าจะมีการแลกเปลี่ยนอย่างเป็นธรรมระหว่างสินค้ากับการจ่ายเงิน แต่ถ้ากฎง่ายๆ เรื่องนี้ถูกละเมิดจากความรู้สึกว่าตนไม่ได้รับเป็นธรรม ผู้ซื้อสินค้าก็จะไม่พอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาของการลดราคาครั้งใหญ่ที่เรียกว่า Black Friday
โดยสิ่งที่ทำให้ผู้ซื้อรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมและไม่พอใจนั้น ได้แก่ การมีของราคาถูกที่สัญญาว่าใครไปก่อนจะได้ก่อนในจำนวนไม่เพียงพอ, ราคาขายสินค้าไม่ใช่ราคาที่ลดตามที่โฆษณา, การที่เขาหรือเธอรออยู่ในแถวก่อนที่เวลาลดราคาสินค้าจะหมดลง แต่กลับไม่ได้ของตามราคาที่ประกาศไว้ รวมถึงสินค้าที่ทางร้านบอกว่าลดราคามีจำนวนไม่พอ เป็นต้น
ในแง่ของผู้ขายนั้น การสร้างความหายากและจำนวนที่จำกัดจะทำให้เกิดความกดดันและการแข่งขันในการซื้อ ส่วนลูกค้าเองก็จะมีความรู้สึกว่าถ้าต้องแข่งขันและแย่งกันก็จะเป็นบรรยากาศที่น่าตื่นเต้น
อย่างไรก็ตาม Lennon ชี้ว่าส่วนใหญ่แล้วผู้ค้าปลีกมักจะมุ่งเน้นในเรื่องของการจัดสถานที่และการจัดสินค้า แต่ไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์จลาจลวุ่นวาย โดยเฉพาะหากความคาดหวังของผู้ซื้อสินค้าไม่ได้รับการตอบสนอง
ทั้งหมดนั้นคือเหตุผลที่อธิบายได้ว่า ทำไมบางครั้งการลดราคาในเทศกาล Black Friday จึงอาจเกิดเหตุชุลมุนวุ่นวายขึ้นได้