เจ้าชายซาอุฯ ซื้อปราสาทหรู สวนทางนโยบายปราบทุจริต-ลดความเหลื่อมล้ำในประเทศ

เจ้าชายซาอุฯ ซื้อปราสาทหรู สวนทางนโยบายปราบทุจริต-ลดความเหลื่อมล้ำในประเทศ

เจ้าชายซาอุฯ ซื้อปราสาทหรู สวนทางนโยบายปราบทุจริต-ลดความเหลื่อมล้ำในประเทศ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สื่อสหรัฐฯ เผยข้อมูลเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงเป็นเจ้าของปราสาทหรูในฝรั่งเศสรวมถึงเรือยอชท์และภาพวาดของเลโอนาร์โด ดา วินชี สวนทางกับนโยบายรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจและการปราบปรามทุจริตในประเทศที่ทรงเป็นผู้บุกเบิก

อ่านเพิ่มเติม: 

เว็บไซต์เดอะนิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐฯ รายงานอ้างอิงข้อมูลการถือครองทรัพย์สินของบริษัทด้านการลงทุนของซาอุดีอาระเบีย 8 แห่ง ซึ่งเจ้าชายบิน ซัลมาน ทรงเป็นประธานบริหาร และพบว่าบริษัทต่างๆ เป็นเจ้าของทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล โดยเฉพาะปราสาท ลูฟว์เซียนส์ (Louveciennes) ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 อดีตกษัตริย์ของฝรั่งเศส ซึ่งมีผู้ซื้อไปในราคากว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9,900 ล้านบาท เมื่อปี 2015

นิตยสารฟอร์จูน ซึ่งเป็นสื่อวิเคราะห์เศรษฐกิจรายใหญ่ ระบุว่าปราสาทดังกล่าวเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาขายแพงที่สุดในโลก และเป็นปราสาทที่มีชื่อเรื่องความหรูหราฟุ่มเฟือย เพราะปราสาทดังกล่าวได้รับการปรับปรุงโครงสร้างอาคารซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ให้มีความแข็งแรงทันสมัยยิ่งขึ้นเมื่อปี 2009 โดยมหาเศรษฐี เอมัด คาช็อกกี เจ้าของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งยังมีการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมให้มีความทันสมัย เช่น ติดตั้งระบบไฟฟ้า เครื่องปรับอุณหภูมิ รวมถึงระบบอุปกรณ์อัตโนมัติต่างๆ ก่อนจะขายให้กับผู้ซื้อที่ไม่ขอเปิดเผยนาม

อย่างไรก็ตาม นิวยอร์กไทมส์รวบรวมข้อมูลจนระบุได้ว่าบริษัทที่ซื้อปราสาทลูฟว์เซียนส์ไปเป็นกิจการของเจ้าชายบิน ซัลมานทั้งหมด โดยอ้างอิงข้อมูลของบริษัทกฎหมายที่เกี่ยวพันกับการฟอกเงินและหลบเลี่ยงภาษีของบุคคลสำคัญที่ถูกเปิดโปงโดยเครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนทั่วโลก หรือ 'พาราไดซ์ เปเปอร์ส'

สื่อสหรัฐฯ ระบุด้วยว่าเมื่อปี 2015 บริษัทในเครือของเจ้าชายบิน ซัลมาน ยังเป็นผู้ซื้อเรือยอชท์ขนาดใหญ่จากมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เจ้าของบริษัทวอดก้า และประมูลภาพวาดของเลโอนาร์โด ดา วินชี ศิลปินอัจฉริยะชาวอิตาลี ซึ่งมีชีวิตอยู่ในสมัยศตวรรษที่ 16 ไปครอบครอง คิดเป็นมูลค่ากว่า 950 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 297,000 ล้านบาท แต่เมื่อพระองค์ทรงขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ก็ได้ทรงประกาศว่าจะกวาดล้างการทุจริตคอร์รัปชั่นและการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนบุคคลให้หมดไปจากประเทศ ทำให้มีการจับกุมเจ้าชายหลายพระองค์ รวมถึงนักธุรกิจที่มีทรัพย์สินหลักร้อยล้านในซาอุดีอาระเบีย โดยระบุว่าเป็นการปราบปรามเครือข่ายทุจริตฟอกเงิน และกำจัดความเหลื่อมล้ำในสังคม

อย่างไรก็ตาม การกวาดล้างเครือข่ายทุจริตช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีเพียงการควบคุมตัวผู้ถูกกล่าวหา แต่ไม่มีการดำเนินคดีตามกฎหมาย และเจ้าชายบางพระองค์ที่ทรงยินยอมให้ยึดทรัพย์สินส่วนหนึ่งได้รับการปล่อยตัว ทำให้นโยบายของเจ้าชายบิน ซัลมาน ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการตัดตอนผู้มีอำนาจทางสังคมและเศรษฐกิจคนอื่นๆ เพื่อไม่ให้เป็นภัยคุกคามต่อหนทางขึ้นครองราชย์ของพระองค์ในอนาคต แต่นโยบายของพระองค์ทรงกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินในซาอุดีอาระเบียอย่างหนัก

นอกจากนี้ เจ้าชายบิน ซัลมาน ได้ประทานสัมภาษณ์แก่นายโทมัส แอล.ฟรีดแมน นักเศรษฐศาสตร์และคอลัมนิสต์ของนิวยอร์กไทมส์ โดยพระองค์ทรงคาดหวังว่ามาตรการปราบปรามการทุจริตและยึดทรัพย์จะสร้างรายได้คืนแก่รัฐบาลซาอุดีอาระเบียประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท ซึ่งพระองค์ได้ทรงปฏิเสธอย่างจริงจังว่ามาตรการดังกล่าวไม่ใช่การกำจัดศัตรูทางการเมืองตามที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ โดยพระองค์ตรัสว่า การปราบปรามเครือข่ายผู้ทุจริตโดยไม่ละเว้นกลุ่มบุคคลสำคัญและเชื้อพระวงศ์ เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าไม่มีใครสามารถหลบหนีจากการดำเนินมาตรการนี้ได้

นิวยอร์กไทมส์รายงานเพิ่มเติมว่าแม้เจ้าชายบิน ซัลมาน จะทรงประกาศตัวเป็นผู้ปราบปรามการทุจริตเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมอย่างจริงจัง แต่เมื่อปีที่แล้ว พระองค์ได้เสด็จไปพักผ่อนยังเมืองทางใต้ของฝรั่งเศสโดยเรือยอชท์ส่วนพระองค์ ซึ่งมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหรูหราครบครัน รวมถึงที่จอดเฮลิคอปเตอร์และสระว่ายน้ำอยู่บนเรือ ขณะที่สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานทรงมีคำสั่งให้สร้างพระราชวังฤดูร้อนเพิ่มเติมที่โมร็อกโกเมื่อปีที่แล้วเช่นกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook