Bitcoin เข้าภาวะฟองสบู่หรือยัง?
ในหนึ่งปีที่ผ่านมาราคาของ Bitcoin ขึ้นมากกว่า 900% ขึ้นมาแตะ 1 หมื่นดอลลาร์ต่อ 1 BTC แล้ว ทำให้ Market Capitalization ของ Bitcoin เท่ากับ 175 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 40 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ไทยปีที่แล้วเลยทีเดียว
โดยเราอาจกล่าวได้ว่า มูลค่าของเงินดิจิทัลที่สัมผัสไม่ได้ ตอนนี้พอๆ กับเกือบครึ่งของ GDP ประเทศไทย
หลายคนเห็นราคาแบบนี้แล้วจึงสงสัยว่า “เขาซื้อ Bitcoin กันไปทำไม” และ “มันเป็นฟองสบู่หรือเปล่า?” “ทำไมถึงมีคนคิดว่าจะยังวิ่งไปได้อีก”
จะตีมูลค่า Bitcoin อย่างไร
คำถามที่ว่า Bitcoin กำลังอยู่ในสภาวะฟองสบู่หรือไม่ เป็นอะไรที่ตอบได้ยาก เนื่องจากนี่เป็นกรณีแรกๆ ในยุค cryptocurrency และจะมีเงินสกุลดิจิทัลใหม่ๆ มาให้เราประเมินมูลค่ากันอีกแน่ จึงเป็นแบบฝึกหัดน่าคิดว่าถ้า Bitcoin มีมูลค่าที่แท้จริง มันจะถูกกระทบโดยปัจจัยใดบ้าง และเราควรจะตีมูลค่ามันเหมือนมันเป็นสินทรัพย์ทั่วไปไหม หรือตีมูลค่าเหมือนสกุลเงินที่เราใช้จ่ายกันอยู่ทุกวันนี้
อันดับแรก เราตีมูลค่า Bitcoin แบบสินทรัพย์ (asset) ปกติไม่ได้ เนื่องจากทุกวันนี้มันไม่ได้สร้าง cash flow ใดๆ และยังไม่มีแผนสร้าง cash flow ใดๆ ในอนาคต ต่างกับเงินสกุลดิจิทัลบางสกุลที่เรายังพอวาดภาพได้ว่าในอนาคตมันจะขยายเข้าไปกินตลาด payment system ที่มี Mastercard หรือ Visa ครองตลาดอยู่
อันดับที่สอง จะว่า Bitcoin เป็น “เงิน” อย่างที่ผู้สร้าง Satoshi วางแผนไว้ก็มีหลายจุดที่ขัดกับนิยามและหน้าที่ของการเป็น “เงิน” (medium of exchange)
จุดแรกคือ Bitcoin จะเป็นเงินได้ก็ต่อเมื่อมันคงคุณค่าได้ดี (store of value) ซึ่งในประเด็นนี้ถึงแม้ว่า Bitcoin จะมีมูลค่าต่อสกุลอื่นสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่มันมากับความผันผวนที่สูงกว่าเงินสกุลปกติที่เราใช้จ่ายกันมาก อีกทั้งการที่คุณค่าของมันสามารถลดลงหรือพุ่งขึ้นที่เป็นสิบเปอร์เซ็นต์ในเพียงพริบตา หรือมีโอกาส “สิ้นค่า” เมื่อถูกแฮก โดยที่ไม่มีใคร ไม่มีรัฐบาลใดๆ มาช่วยการันตีให้ ทำให้มันสอบตกในประเด็นนี้
จุดที่สอง Bitcoin ไม่ได้เป็นเงินดิจิทัลที่เราใช้มันจับจ่ายใช้สอยได้สะดวกที่สุด หากพูดถึงความง่ายในการใช้งานเพื่อทำธุรกรรม เงินดิจิทัลสกุลน้องใหม่อย่าง Dash ตอบโจทย์นี้ได้ดีกว่ามาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเวลาในการทำให้ธุรกรรมเสร็จสิ้นหรือค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมก็ตาม
แล้ว Bitcoin มันเป็นอะไร?
ผู้เขียนคิดว่า Bitcoin เป็นสินค้า hybrid ที่เป็นลูกผสมระหว่าง เงินและคอมมอดิตี้ (สินค้าโภคภัณฑ์) ที่มีปัจจัยกระทบอุปสงค์และอุปทานที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
ในมุมมองของอุปทาน Bitcoin มีเส้นทางค่อนข้างชัดเจน มีเหรียญจำนวนจำกัด และมีการคาดการณ์ว่าเมื่อไหร่เหรียญสุดท้ายจะถูกขุดพบ
ในทางกลับกันอุปสงค์ของ Bitcoin ซับซ้อนและมีความไม่แน่นอนกว่ามาก
สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวผลักดันอุปสงค์ของ Bitcoin ก็คือความหวังที่มันจะกลายเป็นเงินดิจิทัลสกุลหลักในโลก Cryptocurrency ต่อไป ไม่ว่าจะมีสกุลดิจิทัลใหม่ๆ ออกมามากน้อยแค่ไหน
โดย Bitcoin อาจจะไม่ได้เป็นสกุลหลักที่เอาไว้ใช้ซื้อของทั่วไป แต่มันจะเป็นตัว settle การค้าในระบบเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อ Bitcoin เป็นสกุลดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีฐานใหญ่ที่สุดในขณะนี้ ก็มีความเป็นไปได้ว่ามันจะยังคงเป็นเสาหลักของ การมี ICO ในอนาคต และจะมีส่วนร่วมกับทุกกิจกรรมใหม่ๆ ในโลก Cryptocurrency
นี่คือหนึ่งในคุณประโยชน์ของการถือ Bitcoin ในระยะยาว คือเป็นการเข้าไปเอา Exposure ของโลก Cryptocurrency ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งผู้เขียนเองมองว่ามันจะเป็น Alternative Investment ที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นในโลกที่ยีลด์ต่ำ
ในเมื่อความหวังนี้เป็นความหวังอันยิ่งใหญ่ที่ยังไม่มีใครทราบด้วยซ้ำว่าโลก cryptocurrency ในอนาคตจะมีหน้าตาอย่างไร หรือมีมูลค่าทางเศรษฐกิจเท่าไร จึงทำให้ราคา Bitcoin มีโอกาสเพิ่มขึ้นไปได้เรื่อยๆ
สุดท้ายนี้ สำหรับผู้อ่านที่สนใจลงทุนใน Bitcoin ก็ขอให้ท่านระมัดระวัง คอยมองหาสัญญาณ “ปาร์ตี้จะเลิกรา” เช่น เมื่อรัฐบาลเริ่มเข้มงวดขึ้นกับการควบคุมเงินดิจิทัลนะครับ