5 ข้อควรทำในการใช้บัตรเครดิตเพื่อให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ
บัตรเครดิต สิ่งนี้คงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว เพราะด้วยว่าความสะดวกสบายในการใช้จ่าย โปรโมชั่น และสิทธิประโยชน์ต่างๆ อีกมากมาย รวมถึงความปลอดภัยจากการต้องพกเงินสดจำนวนมากๆ ในกรณีที่เราจะซื้อของที่มีราคาสูง ทำให้หลายๆ คนไม่พลาดที่จะเป็นเจ้าของบัตรเครดิตซักใบเพื่อไว้ใช้งาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าการใช้บัตรเครดิตจะไม่มีสิ่งกวนใจ เพราะว่ามิจฉาชีพนั้นมีทุกรูปแบบจริงๆ โดยสำหรับบัตรเครดิตนั้นคือการโจรกรรมข้อมูลของเราเพื่อนำไปใช้งานจนเราเดือดร้อนนั่นเอง
แน่นอนว่า เราควรที่จะระมัดระวังและรักษาบัตรให้ดีอยู่เสมอ เพื่อป้องกันมิจฉาชีพมาแอบใช้เงินในบัตรเครดิตของเรานั่นเอง วันนี้ MoneyGuru.co.th ก็มี 5 ข้อควรทำในการใช้บัตรเครดิตเพื่อให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ มาฝากกัน เพื่อที่จะได้ใช้บัตรเครดิตได้อย่างปลอดภัยสบายใจ ว่าแล้วก็เริ่มกันด้วยวิธีที่มิจฉาชีพมักจะใช้กัน
ตัวอย่างวิธีที่มิจฉาชีพมักนิยมใช้ในสร้างความเดือดร้อนให้กับเรามีดังนี้
- ปลอมเอกสารสำคัญของเรา แล้วนำไปใช้ในการสมัครบัตรเครดิต เพื่อหลอกลวงให้สถาบันการเงินออกบัตรให้ในนามของเรา
- ใช้อุปกรณ์อ่านข้อมูลจากแถบแม่เหล็ก (เครื่อง Skimmer) คัดลอกข้อมูลของเราแล้วทำบัตรเครดิตปลอมไปใช้งาน
- ขโมยบัตรเครดิตจากเราแล้วนำไปใช้งาน หรือนำบัตรเครดิตที่เราทำสูญหายไปใช้งาน
- สร้างเว็บไซต์เพื่อมาหลอกลวงเอาหมายเลขบัตรเครดิตของเราแล้วนำไปใช้งาน
*** ข้อมูลสำคัญส่วนตัวของเราที่ควรระวังไม่ให้มิจฉาชีพรู้ ได้แก่ ชื่อผู้ถือบัตร ประเภทของบัตร สถาบันการเงินผู้ออกบัตร หมายเลขบัตร เดือน/ปีที่ออกบัตร และเดือน/ปีที่หมดอายุ รวมไปถึงรหัสปลอดภัยเลข 3 - 4 หลักที่ปรากฏอยู่ด้านหลังบัตรเครดิต
(ข้อมูลจาก: ธนาคารแห่งประเทศไทย)
5 ข้อควรทำในการใช้บัตรเครดิตเพื่อให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ
1. เก็บรักษาบัตรเครดิตของเราให้ดีที่สุด
เป็นข้อควรทำที่ง่ายมากๆ โดยเราควรหาที่จัดเก็บบัตรเครดิตของเราไว้ให้ปลอดภัย และไม่ลืมที่จะตรวจเช็กอยู่เรื่อยๆ ว่าบัตรเครดิตยังอยู่กับเราหรือไม่ หากว่าบัตรเครดิตของเราหายไปให้เรารีบโทรแจ้งทางสถาบันการเงินเจ้าของบัตรให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะทำการอายัดบัตรเครดิตให้กับเรา
2. ไม่ปล่อยให้คลาดสายตาเมื่อต้องใช้บัตรเครดิตรูดชำระค่าสินค้า
อย่างที่กล่าวไว้ในตอนแรกว่า มิจฉาชีพมักจะขโมยข้อมูลของบัตรเราเพื่อนำไปใช้ การที่เราปล่อยให้บัตรเครดิตของเราคลาดสายตาก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้กับมิจฉาชีพนั่นเอง ดังนั้นเราควรจะใส่ใจคอยติดตามดูขณะที่พ่อค้าแม่ค้าหรือพนักงานของร้าน นำบัตรของเราไปรูดชำระค่าสินค้าว่ามีความผิดปกติหรือไม่ หากพบเห็นว่ามีอาการผิดปกติให้รีบทักท้วงทันที
3. เช็กสลิปก่อนการเซ็นชื่อทุกครั้ง
ก่อนเซ็นชื่อในสลิปทุกครั้ง เราก็ควรที่จะตรวจสอบรายละเอียดของตัวเลขจำนวนเงินว่าตรงกับที่เราต้องการจ่ายหรือไม่ หากมีจำนวนเงินที่ผิดออกไปให้รีบสอบถามทางพ่อค้าแม่ค้าหรือพนักงานของร้านทันที และเราก็ควรจะเก็บสลิปไว้เป็นหลักฐานเพื่อไว้ใช้ตรวจสอบในภายหลังว่าตรงกับยอดค่าใช้จ่ายในใบแจ้งบัญชีบัตรเครดิตประจำเดือนหรือไม่ หากไม่ตรงกันก็ให้เรารีบติดต่อทางสถาบันการเงินเจ้าของบัตรให้เร็วที่สุดเพื่อหาทางแก้ไข
4. ไม่ควรบอกหมายเลขบัตรเครดิตของเราให้แก่บุคคลอื่น
ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม เพราะวิธีที่มิจฉาชีพจะทำให้เราเดือดร้อนได้นั้น ก็มักจะเริ่มมาจากการที่รู้หมายเลขบัตรเครดิตของเราตามที่กล่าวไว้ในตอนต้นนั่นเอง ดังนั้นห้ามให้ข้อมูลบัตรเครดิตแก่บุคคลอื่นอย่างเด็ดขาดเลยนะครับ
5. จะให้ใครใช้บัตรเราก็ควรดูให้ดีก่อนเสมอ
เพราะหากว่าบัตรเราถูกรูดใช้จ่ายไปแล้ว ก็จะต้องมีการชำระคืนควบคู่มาเสมอ ดังนั้นหากว่ามีคนในครอบครัวนำบัตรเครดิตของเราไปใช้ เราก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบยอดการใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม เพราะตามหลักแล้วเจ้าของบัตรจะตกเป็นลูกหนี้เสมอ ไม่ใช่คนในครอบครัวที่นำไปใช้งาน เช่นนั้นแล้วเราควรเก็บบัตรให้ดีและหากจะให้คนในครอบครัวใช้บัตรเครดิตของเรา เราก็ควรที่จะรับรู้เสมอเพื่อที่จะได้รับรู้ยอดใช้จ่ายที่เกิดขึ้นและวางแผนจัดการกับยอดใช้จ่ายนี้ได้
จากคำแนะนำที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ จะเห็นได้ว่าการใช้บัตรเครดิตให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยาก หากแต่เราไม่ประมาทและคอยหมั่นดูแลความเรียบร้อยอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้บัตรเครดิตของเราก็ปลอดภัยจากมิจฉาชีพแล้วล่ะครับ