"สกาลา" น่าเป็นห่วง

"สกาลา" น่าเป็นห่วง

"สกาลา" น่าเป็นห่วง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อไม่กี่วันก่อน มีประเด็นน่าสนใจในโลกออนไลน์ว่า โรงภาพยนตร์สกาลาและลิโด ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางเมือง ย่านสยามสแควร์มานานกว่า 40 ปี จะปิดตัวลง โดยลิโดจะปิดในเดือน พ.ค. ส่วนสกาลาจะปิดในเดือน มิ.ย. นั้น

อ่านเพิ่มเติม จุฬาไขข้อข้องใจสัญญาของสกาลา

อนาคตของโรงหนังสแตนด์อโลนทั้ง 2 แห่ง ที่อยู่คู่สังคมไทยมา 4 ทศวรรษ ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม โดยฝ่ายที่อยากให้คงอยู่ต่อให้เหตุผลเรื่องคุณค่าทางสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ควรค่าแก่การอนุรักษ์ของสกาลา แต่มีอีกมุมหนึ่งที่ S! Money ขอชวนมาร่วมให้ความสนใจ นั่นคือในแง่ธุรกิจของโรงภาพยนตร์ทั้งคู่

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยให้เห็นผลประกอบการของบริษัท สยามมหรสพ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโรงภาพยนตร์สกาลาและลิโด (พิจารณาจากใบเสร็จที่ระบุในตั๋วหนัง) อยู่ในอาการน่าเป็นห่วง

บริษัท สยามมหรสพ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท จัดตั้งเมื่อปี 2511

ปี 56       รายได้เกือบ 107 ล้าน  ขาดทุน 14.5 ล้าน

ปี 57       รายได้เกือบ 102 ล้าน  ขาดทุน 26.9 ล้าน

ปี 58       รายได้หลัก 104.6 ล้าน แต่รายได้รวมพุ่งมาที่ 221.8 ล้าน มีกำไรราว 91.5 ล้าน

ปี 59       รายได้ 96.6 ล้าน   ขาดทุน 24.7 ล้าน

ขณะที่ข้อมูลจากบางสำนักระบุว่าบริษัท เอเพกซ์ภาพยนตร์ จำกัด เป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงภาพยนตร์ทั้ง 2 แห่ง โดยบริษัทดังกล่าวจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2523 มีทุนจดทะเบียน 140 ล้านบาท ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มีรายได้ปีละกว่าสิบล้าน ขาดทุนหลักแสนต่อปี มีเพียงปี 58 ที่มีกำไรเกือบ 5 ล้านบาท

"สวนนงนุช" ท่อน้ำเลี้ยงโรงหนังสกาลา?

 

หลายคนรู้กันดีว่าเจ้าของโรงหนังสกาลาและลิโดมีธุรกิจอื่นอย่างสวนนงนุช จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่ามี 2 บริษัทที่น่าสนใจคือ

1. บริษัท นงนุชวิลเลจ จำกัด ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท จัดตั้งเมื่อปี 2529

ปี 56       รายได้ 370 ล้าน       กำไร 3 ล้าน

ปี 57       รายได้ 378 ล้าน       กำไรราว 6.7 ล้าน

ปี 58       รายได้ 500 ล้าน       กำไร 5.6 ล้าน

ปี 59       รายได้เฉียด 585 ล้าน    กำไร 5.8 ล้าน

2. บริษัท นงนุชแลนด์สเคปแอนด์การ์เด้นดีไซน์ จำกัด ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท จัดตั้งปี 2534

ปี 56       รายได้เกือบ 246 ล้าน     กำไร 3 ล้าน

ปี 57       รายได้ราว 402 ล้าน       กำไร 2.9 ล้าน

ปี 58       รายได้ 211 ล้าน        กำไร 2.6 ล้าน

ปี 59       รายได้ 508 ล้าน        กำไร 6.2 ล้าน

ปี 60       รายได้ 565 ล้าน        กำไร 6.7 ล้าน

แม้สวนนงนุชจะมีรายได้ปีละหลายร้อยล้านบาท แต่ด้วยต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่สูง ทำให้เหลืออัตรากำไรเฉลี่ยเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ น่าเป็นห่วงเหลือเกินว่าจะแบกธุรกิจโรงหนังต่อไปได้อีกนานแค่ไหน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook