เปิดตัว 'แท็กซี่ โอเค' ตั้งเป้าอีก 5 ปี วิ่งเต็มถนน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า โครงการ Taxi OK หวังยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการใช้บริการรถแท็กซี่ พร้อมกับเพิ่มทางเลือกเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน Taxi OK ซึ่งแอปฯ ดังกล่าวเปิดให้บริการครั้งแรกในวันนี้ (26 มกราคม)
พร้อมกันนี้ได้รับข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า ตั้งแต่เปิดตัวโครงการและกำหนดให้รถแท็กซี่อายุใช้งานครบ 9 ปี รวมกับที่จดทะเบียนใหม่ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นมา ต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยนั้น
ส่งผลให้มีแท็กซี่เดิมสมัครใจเข้าร่วมโครงการแล้ว 30,000 คัน บวกกับแท็กซี่ที่จดทะเบียนใหม่ตั้งแต่ 9 พ.ย. 2560 อีก 6,000 คัน ขณะที่ปีนี้จะมีรถแท็กซี่ที่ทะเบียนหมดอายุและต้องต่อทะเบียนอีก 10,000 คัน จะเข้าสู่โครงการ Taxi OK ซึ่งคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีจะมี "แท็กซี่ โอเค" ให้บริการประมาณ 46,000 คัน และภายใน 5 ปี จะเป็นแบบนี้ทั้งระบบ
ความแตกต่างระหว่าง Taxi OK กับ Taxi Meter ในปัจจุบัน ได้แก่ ใช้เทคโนโลยีจีพีเอส แทร็กกิ้ง และอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ, มีระบบยืนยันตัวตนของผู้ขับ, มีกล้องบันทึกภาพในรถ, มีปุ่มฉุกเฉิน (SOS) อย่างน้อย 1 จุด เชื่อมข้อมูลแบบเรียลไทม์กับ 3 หน่วยงาน คือ ศูนย์แท็กซี่ที่มีทั้งสิ้น 14 ศูนย์ทั่วประเทศ, กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พร้อมกับมีแอปพลิเคชัน Taxi OK ซึ่งสามารถดาวน์โหลดผ่านทั้งระบบ iOS, Android และ Windows Phone โดยมีค่าบริการเรียกผ่านแอปฯ ครั้งละ 20 บาท ส่วนค่าโดยสารเริ่มที่ 35 บาท เท่ากันกับแท็กซี่ทั่วไป
ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการสามารถเลือกศูนย์บริการสื่อสารรถแท็กซี่ที่ต้องการในระบบได้จำนวน 14 ศูนย์ทั่วประเทศ มีรถแท็กซี่ให้บริการ 5,610 คัน และขณะอยู่บนรถแท็กซี่ ผู้โดยสารสามารถแจ้งผู้อื่นให้รับทราบตำแหน่งพิกัดได้ตลอดการเดินทาง กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ผู้โดยสารสามารถกดปุ่มฉุกเฉินภายในรถแท็กซี่ หรือกดขอความช่วยเหลือผ่านแอปพลิเคชันได้ด้วย
ค่าติดตั้งอุปกรณ์ประมาณ 20,000 - 40,000 บาท
นายสนิทใจ แย้มใส คนขับแท็กซี่ Taxi OK วัย 63 ปี เปิดเผยสาเหตุที่เข้าร่วมโครงการว่า เพราะรถแท็กซี่ที่ขับมาก่อนหน้านี้หมดอายุการใช้งาน จึงต้องซื้อใหม่และจดทะเบียนใหม่หลัง 9 พ.ย.ปีที่ผ่านมา โดยรถคันนี้เป็นรถเขียว-เหลือง หมายถึงเป็นรถส่วนตัว พอเข้าโครงการทางกรมการขนส่งทางบกก็เรียกมาอบรมและแนะนำวิธีการใช้งานแอปพลิเคชัน
ส่วนการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ เพิ่มเติมนั้น เนื่องจากซื้อรถแท็กซี่จากบริษัท เค.พี.เอ็น. มอเตอร์คาร์ จำกัด บริษัทติดตั้งแต่อุปกรณ์กล้องหน้า-กล้องหลัง อุปกรณ์บันทึกการเดินทาง ปุ่มฉุกเฉินทั้งของผู้โดยสารและคนขับ และการเชื่อมต่อระบบข้อมูลมาให้พร้อม โดยค่าอุปกรณ์เหล่านี้ประมาณ 35,000 บาท บริษัทจ่ายให้ครึ่งหนึ่ง เจ้าของรถจ่ายเพิ่มอีก 15,000 บาท
กรณีที่ไฟเขียวแสดงสัญลักษณ์ว่ารถคันนี้ว่าง แทนไฟแดงแบบเดิม นายสนิทใจ ยอมรับว่า ช่วงเดือนแรก ๆ ที่ออกมา ผู้โดยสารยังงง ๆ ไม่แน่ใจว่า รถคันนี้จะจอดรับหรือไม่ แต่คาดว่าหลังจากนี้เมื่อกรมการขนส่งทางบกมีการประชาสัมพันธ์มากขึ้น มีรถออกมาวิ่งเยอะขึ้น สักพักปัญหานี้ก็จะหมดไป
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวันนี้ (26 มกราคม) เป็นวันแรกที่เปิดให้เรียกใช้บริการรถแท็กซี่ โอเค ผ่านแอปฯ Taxi OK จึงอาจยังติดขัด รถแท็กซี่บางครั้งยังรับงานผ่านแอปฯ ไม่ได้ เรื่องนี้คาดว่าจะมีการแก้ปัญหาต่อไป
ทั้งนี้ ค่าอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับแท็กซี่โอเค ปัจจุบันมีราคาตั้งแต่ 20,000 - 40,000 บาทต่อคัน
อ่านเพิ่มเติม --> ความเห็นจากผู้ใช้บริการ Taxi OK