AYS Morning Brief - บล.กรุงศรีอยุธยา

AYS Morning Brief - บล.กรุงศรีอยุธยา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Economic NEWS                    ธนาคารโลกคาดเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ขยายตัว 4.7% ในช่วงปี 2554-68 ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่จะขยายตัว 4.7% ต่อปี ในช่วงปี 2554-2568 โดยเฉลี่ย ซึ่งเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้วถึง 2 เท่า ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะขยายตัวเพียง 2.3% ในช่วงเวลาดังกล่าว (IQ Biz)          ยุโรปอนุมัติเงินกู้ 7.8 หมื่นล้านยูโรช่วยโปรตุเกสกู้วิกฤตหนี้สาธารณะ รัฐมนตรีคลังในกลุ่มประเทศยูโรโซนมีมติเป็นเอกฉันท์ในการอนุมัติเงินช่วยเหลือโปรตุเกสมูลค่า 7.8 หมื่นล้านยูโร (1.10 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เป็นระยะเวลา 3 ปี ทั้งนี้ โปรตุเกสเป็นประเทศที่สามของวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป หลังจากที่กรีซ และไอร์แลนด์ได้ขอความช่วยเหลือทางการเงินจากอียูและไอเอ็มเอฟไปเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา  สำหรับข้อแลกเปลี่ยนในการได้รับเงินช่วยเหลือในครั้งนี้ โปรตุเกสต้องปรับปรุงนโยบายการคลังเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพด้านการคลัง ปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อยกระดับการแข่งขันและกำหนดมาตรการที่เฉพาะเจาะจงเพื่อกระตุ้นภาคธุรกิจธนาคาร (IQ Biz)          เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัวแข็งแกร่ง 1.5% ในไตรมาสแรกปีนี้ เศรษฐกิจเยอรมนีไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวแข็งแกร่งถึง 1.5% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งขยายตัวได้แข็งแกร่งกว่าระดับ 0.4% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ขณะที่ยอดส่งออกเดือนมี.ค.ของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 7.3% สู่ระดับ 9.83 หมื่นล้านยูโร (1.42 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีขยายตัวติดต่อกัน 3 เดือนเนื่องจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัวขึ้น และจำนวนคนว่างงานของเยอรมนีปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 3 ล้านคนเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 19 ปีในเดือนเม.ย. (IQ Biz) Market today (MarketCast ฉบับวันนี้) Stock news & update         PSL | ซื้อ/มูลค่าพื้นฐาน 21.00 บาทNews Comment:  ผู้บริหารคาดจุดต่ำสุดของอุตสาหกรรมจะอยู่ในปี 55TRUE | ขาย/มูลค่าพื้นฐาน 4.04 บาทNews Comment:  1Q54 ขาดทุนเพิ่มหลังรับรู้ผลประกอบการจาก HUTCHCPALL | เก็งกำไร/มูลค่าพื้นฐาน 48.00 บาทNews Comment:  การประชุมนักวิเคราะห์กับ CPALLHMPRO | ซื้อ/มูลค่าพื้นฐาน 9.27 บาทNews Comment:  การประชุมนักวิเคราะห์กับ HMPROLH | ถือ/มูลค่าพื้นฐาน 7.20 บาทResult note:  1Q54 เติบโตตามคาดHANA | N.A.Result note:  1Q54 เติบโตต่ำกว่าคาดการณ์BH | ถือ/มูลค่าพื้นฐาน 38.80 บาทResult note:  1Q54 เติบโต 13%YoY Technical  (TrendTrading ฉบับวันนี้)          SET Index |  ปิด 1084.96แนวรับ 1077-74    แนวต้าน 1090-93          PTTCH | ราคาปิด 157 บาท แนวรับ 155-53      แนวต้าน 165-66          BEC|  ราคาปิด 38.00 บาทแนวรับ 37-36.50     แนวต้าน 40-40.50          PTL | ราคาปิด 24.00 บาทแนวรับ 23.7-23.5 แนวต้าน 25.25-25.00 Stock news & update         PTT | ซื้อ/มูลค่าพื้นฐาน 412 บาทResult note:  1Q54 เติบโตสูกว่าคาดการณ์ 10%YoYSCCC | ซื้อ/มูลค่าพื้นฐาน 300 บาทResult note:  1Q54 เติบโตสูง 37%YoYBGH | ซื้อ/มูลค่าพื้นฐาน 59 บาทCompany update:  1Q54 เติบโต 15%YoY สูงกว่าคาดการณ์BANPU | ถือ/มูลค่าพื้นฐาน 811 บาท Precious Shippingผู้บริหารคาดจุดต่ำสุดของอุตสาหกรรมจะอยู่ในปี 55          สิ่งที่ได้จากผู้บริหารในงาน Opportunity Day เมื่อสัปดาห์ก่อน (13 พ.ค.)          1. ผู้บริหารคาดว่าดัชนี Baltic Dry ในปี 2554-55 ยังได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย โดยคาดจะถึงจุดต่ำสุดในปี 55 และจะเริ่มฟื้นตัวในปี 56-57 โดย AYS เชื่อว่ามุมมองของผู้บริหารมาจากปัจจัยสนับสนุน          อุปทานส่วนเกิน CRS/Aries คาดการณ์จำนวนเรือเทกองในอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเกือบปีละ 20% (109 ล้านเดดเวทตัน) ในปี 54-55 จากจำนวนเรือเทกองทั้งสิ้น 554 ล้านเดทเวทตัน ณ ต้นปี 54 ขณะที่ผู้บริหาร PSL คาดว่าจะมีเรือเก่าที่ปลดระวางเพียงปีละ 10-15 ล้านเดดเวทตัน          อุปสงค์จากจีนไม่แน่นอน ข้อมูลที่รวบรวมจากนักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรม แม้คาดว่าปี 54 จีนจะนำเข้าสินแร่เหล็กลดลง 10%YoY (ที่ 557 MMT) จากมาตรการควบคุมเงินเฟ้อของทางการจีน แต่ยังมีแนวโน้มผลิตเหล็กเพิ่มขึ้น 6%YoY (ที่ 665 MMT) และนำเข้าถ่านหินเพิ่มขึ้น 14% (ที่ 190 MMT) ปัจจุบันจีนเป็นผู้นำเข้าถ่านหินและสินแร่เหล็กรายใหญ่สุดของโลก คิดเป็นสัดส่วน 35-40% ของยอดนำเข้ารวมของโลก ขณะที่การขนส่งสินแร่เหล็ก ถ่านหิน และเหล็กคิดเป็นสัดส่วนรวมกันกว่า 65% ของอุปสงค์เดินเรือเทกอง          กรณีแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมากระทบระบบ Logistics และกระบวนการผลิตของโรงงานในประเทศ จะกระทบต่ออุปสงค์เรือเทกองประมาณ 1-2 ไตรมาสจากนี้ อย่างไรก็ตามผู้บริหารเชื่อว่าในระยะกลางและยาวจะเป็นปัจจัยบวกเนื่องจากญี่ปุ่นจะมีความต้องการนำเข้าวัตถุดิบพื้นฐาน เพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคในระยะต่อไป          2. การจัดซื้อเรือมือสองจำนวน 19 ลำยังอยู่ในแผน เพียงแต่รอระดับราคาที่เหมาะสม ปัจจุบันมีวงเงินกู้เรียบร้อยแล้ว (วงเงินแรกจำนวน US$ 250 ล้านจะหมดอายุสิ้นปี 54 และวงเงินที่สองจำนวน US$250 ล้านที่จะหมดอายุเดือนมิ.ย.นี้อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อขอขยายรระยะเวลา) ความเห็นและคำแนะนำ          มุมมองของผู้บริหารไม่ได้แตกต่างไปจาก AYS และนักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมมากนัก แต่เราเชื่อว่า PSL จะผ่านช่วงต่ำสุดก่อนอุตสาหกรรม เนื่องจากจำนวนเรือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น (ยังไม่ได้รวมโอกาสซื้อเรือมือสองไว้ในประมาณการ) ขณะที่ค่าระวางเรือปี 54 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเนื่องจาก           - อายุเฉลี่ยกองเรือใหม่ขึ้น          - PSL อยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันไม่รุนแรงเหมือนเรือใหญ่ และอุปทานกองเรือเพิ่มขึ้นน้อยกว่า          ชื่อเสียงด้านคุณภาพการให้บริการและการตรงต่อเวลาทำให้ PSL ได้ค่าระวางเรือเฉลี่ยสูงกว่าคู่แข่งที่มีลักษณะขนาดและอายุเรือใกล้เคียงกัน           - ณ เม.ย. 54 PSL ทำสัญาล่วงหน้าปี 54 ไปแล้วกว่า 63% ที่อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยที่ US$13,084 สูงกว่าค่าเฉลี่ยปี 53 อยู่ 6% เราคงประมาณการกำไร และมูลค่าพื้นฐาน ณ ระดับปัจจุบัน และคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 21 บาท ตามเป้าหมาย 1.3xP/BV ค่ากลางที่ซื้อขายในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คำแนะนำสะท้อน          - การฟื้นตัวของผลการดำเนินงานปี 54 และจะก้าวกระโดดในปี 55 จากการฟื้นตัวของค่าระวางเรือและจำนวนวันเดินเรือหลังมีเรือใหม่เพิ่มเข้ามา           - ราคาหุ้นปัจจุบันแม้จะซื้อขายที่ P/E สูงถึง 18.5xP/E ในปี 54 แต่จะก็ลดลงเหลือเพียง 12.6xP/E ในปี 55 ซึ่งถูกเมื่อเทียบกับกำไรปี 55 ที่จะเติบโตกว่า 47% จึงเหมาะสำหรับการลงทุนระยะ 12 เดือนขึ้นไป True Corporation1Q54 ขาดทุนเพิ่มหลังรับรู้ผลประกอบการจาก HUTCH          - บริษัทรายงานผลประกอบการใน 1Q54  มีผลขาดทุน 293 ล้านบาทลดลงจากปีก่อนที่มีกำไร1.24พันล้านบาท ในขณะที่หากไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยน  บริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานที่  87 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มจากปีก่อนที่ 35 ล้านบาท  เนื่องจากเริ่มบันทึกงบของ HUTCH ประมาณ 2 เดือนในงบรวม ซึ่ง HUTCH มีระดับ EBITDA ที่ต่ำกว่าธุรกิจเดิมของบริษัท และยังมีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน   ในขณะที่หากไม่รวมผลจาก HUTCH   ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น QoQ และ YoY โดยพบว่า 1) True Move รายได้จาก Non-Voice ยังโตต่อเนื่อง กอปรกับการเปิดตัว iphone4 ในปลายปีก่อนทำให้ยอดขายโทรศัพท์และปริงานการใช้งานด้านข้อมูลเพิ่มมากขึ้น 2) True Vision คาดว่ารายได้ค่าโฆษณาลดลง QoQ ตามฤดูกาล แต่ยังเติบโตดีจากปีก่อน 3) True Online ตลาดบรอด์แบรนด์ ยังเติบโตดี ช่วยหนุนให้ฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ตลาดโทรศัพท์พื้นฐานพบว่าเริ่มทรงๆตัวจากที่ปรับลดลงมาตลอด          - ยังคงเป้าหมายการเติบโตในปี 54 ในส่วนของรายได้ที่ 5-6% หลักๆคาดว่าจะมาจาก True Vision ที่คาดว่ารายได้ค่าโฆษณาจะเพิ่มไม่ต่ำกว่า 50% จากการเปิดช่องเคเบิ้ลเพิ่ม  ส่วน True Move คาดว่ายังโต จากฐานลูกค้าที่เพิ่มจากการเจาะตลาด ต่างจังหวัด และคาด Non voice โตตามอุตสาหกรรม           - ประเด็นที่ DTAC ยื่นฟ้อง TRUE กับ CAT สำหรับดีลความร่วมมือในการพัฒนาระบบ CDMA และ HSPA  เนื่องจาก DTAC อ้างว่าเป็นผู้เสียผลประโยชน์โดยตรง เนื่องจากทาง TRUE ซึ่งอยู่ภายใต้สัมปทานเดียวกันสามารถทำการตลาดและให้บริการได้ก่อน  โดยผู้บริหารยังยืนยันว่าสัญญาดังกล่าวไม่ได้เข้าข่าย พ.ร.บ ร่วมทุน ความเห็นและคำแนะนำ          ในทางพื้นฐานเรายังคงคำแนะนำ “ขาย” ในด้านผลการดำเนินงานคาดว่าระยะสั้นยังไม่เห็นผลบวกชัดเจนจาก HUTCH เนื่องจากอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างธุรกิจ  ในขณะที่มูลค่าพื้นฐานรวมผล dilute จากการเพิ่มทุนเท่ากับ 4.04 บาท เต็มมูลค่าเมื่อเทียบกับราคาปัจจุบัน  ในขณะที่ประเด็นการฟ้องร้องยังเป็นปัจัยเสียง ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวเรามองว่าต้องรอคำตัดสินจากศาลปกครอง ซึ่งหากศาลปกครองยืนยันความถูกต้องตามกฏหมายของสัญญาระหว่าง บมจ.กสท โทรคมนาคม และ กลุ่มบริษัท ทรู จะเป็นผลบวกต่อ TRUE กลับกันหากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าสัญญาดังกล่าวมีความไม่ถูกต้องก็จะเป็นผลลบต่อหุ้น TRUE  โดยขั้นตอนคาดว่าในสัปดาห์นี้ศาลจะพิจารณาว่าจะรับฟ้องหรือไม่ และขั้นตอนตัดสินจะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ CP ALLการประชุมนักวิเคราะห์กับ CPALL สรุปประเด็นการประชุมนักวิเคราะห์กับผู้บริหารของ CPALL ในวันศุกร์ที่ 13 พ.ค. 54           - CPALL ตั้งเป้าหมายเปิดสาขาร้าน 7-Eleven ราว 500 แห่ง ในปี 54 ซึ่งจะทำให้จำนวนสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 7,000 แห่ง ได้ตามเป้าหมายในปี 56          - ผู้บริหารยืนยันว่าการที่ยอดขายต่อสาขาเดิม (same-store-sales growth) ใน 1Q54 ลดลงที่ 4.7% เทียบกับ 14.3% ใน 1Q53, 12.6% ใน 2Q53, 8.1% ใน 3Q53 และ 6.9% ใน 4Q53 ไม่ได้เกิดจากผลกระทบของการเปิดสาขาใหม่ที่ไปแข่งขันกับสาขาเก่า แต่เกิดจากใน 1Q54 อุณหภูมิเย็นขึ้นเฉลี่ยราว 30.9 องศา เทียบกับ 33.7 องศา ใน 1Q53 ส่งผลให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าประเภทเครื่องดื่มลดลง           - ด้วยยอดขายที่เติบโตสูงในธุรกิจด้านเบเกอรี่, ร้านขายยาเอ็กซ์ต้า และอาหารประเภท Chilled food มากขึ้น ทำให้ผู้บริหารตั้งเป้าหมายจะขยายธุรกิจ 3 ด้านนี้เป็นเครื่องจักรหลักในการกระตุ้นการเติบโตของยอดขายในอนาคต          - บริษัทเปิดดำเนินการศูนย์กระจายสินค้า (distribution center) เต็มรูปแบบที่จังหวัดขอนแก่นใน 1Q54 และมีแผนจะเปิดดำเนินการอีกแห่งในจังหวัดลำปางในปี 55 ซึ่งคาดว่าจะทำให้ CPALL มีประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าดีขึ้น ทำให้ลดความเสียหายของสินค้า และช่วยกระตุ้นยอดขาย           - เราคงประมาณการผลการดำเนินงานของ CAPLL โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 54 ของ CPALL ที่ 8.09 พันล้านบาท (+21.7%YoY) การเติบโตมาจากความสามารถในการเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของยอดขาย (+16.1%YoY) และความสามารถการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดี          - แม้ CPALL มีฐานะการเงินแข็งแกร่งที่จะสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจ แต่ด้วยอัตราผลตอบแทนการลงทุนจำกัด เราแนะนำ “เก็งกำไร” ประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 48 บาท (พิจารณาด้วยวิธี DCF, WACC 11.8%)  Home Product Centerการประชุมนักวิเคราะห์กับ HMPRO           สรุปประเด็นการประชุมนักวิเคราะห์กับผู้บริหารของ HMPRO ในวันศุกร์ที่ 13 พ.ค. 54           - HMPRO ตั้งเป้าหมายยอดขายปี 54 เติบโต 10-12%YoY การเติบโตจะมาจากบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายต่อสาขาเดิมเติบโต 8% และการเปิดสาขาใหม่รวม 5 แห่ง โดยบริษัทเปิด 1 แห่ง ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ในช่วง 1Q54 และจะเปิด 1 แห่ง ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ใน Q2 ขณะที่จะเปิด 3 แห่ง ใน 2H54           - บริษัทแจ้งว่ายอดขายในงาน Homepro Expo ครั้งล่าสุดเดือน มี.ค. 54 ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทราว 20% เนื่องจากยอดขายในงานในช่วง 3 วันสุดท้ายต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ดี ยอดขายในงาน Homepro Expo มีสัดส่วนคิดเป็นไม่เกิน 4% ของยอดขายรวมทั้งปี 54 ทำให้ในภาพรวมบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถรักษาเป้าหมายการเติบโตของยอดขายที่ 10-12%YoY ในปี 54           - แม้ HMPRO ไม่ได้ระบุเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นในปี 54 แต่บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำได้สูงกว่า 25% ในปี 53 ด้วยกลยุทธ์หลักเพิ่มสัดส่วน Private brand ที่มีมาร์จิ้นสูงจาก 16% ของสินค้าทั้งหมด ในปี 53 เป็น 18%           - เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 54 ที่ 1.88 พันล้านบาท (+14.9%YoY) การเติบโตเกิดจากการขยายตัวของยอดขาย (+16.3%YoY) และรายได้อื่นๆ           - HMPRO โดดเด่นจากความสามารถในการขยายสาขาใหม่ 5 แห่งต่อปี เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของยอดขาย นอกจากนี้ การเพิ่มสัดส่วนสินค้าเฮาส์แบรนด์และการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนขายทำให้อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวระดับสูง เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 9.27 บาท อิงจาก Target P/E 25 เท่า           โดย บมจ. หลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา ประจำวันที่ 18 พ.ค. 2554

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook