3 ขั้นตอนสู่การเป็นโอตะสายเปย์ขั้นเทพ

3 ขั้นตอนสู่การเป็นโอตะสายเปย์ขั้นเทพ

3 ขั้นตอนสู่การเป็นโอตะสายเปย์ขั้นเทพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เดินไปทางไหนก็ได้ยินแต่เพลง 'คุกกี้เสี่ยงทาย' ของวง BNK48 บางที่เปิดวนไปมา 2 - 3 รอบ ส่วนเพื่อน ๆ ก็กระหน่ำแชร์บน FB เรียงกันยาวเป็นหางว่าว ซึ่งมีทั้งมุมบวกและมุมลบ จึงทำให้อยากรู้ว่าน้อง ๆ กลุ่มนี้เป็นใคร หลังจากถามเพื่อนและ google ถึงรู้ว่าเป็นโมเดลธุรกิจที่มาจากญี่ปุ่น

ไอเดียประมาณว่าเป็นกลุ่มศิลปินที่เข้าถึงง่าย ให้ศิลปินเป็นศูนย์กลางแล้วขยายออกไปในส่วนต่าง ๆ ของธุรกิจ

เหล่าแฟนคลับ (โอตะ) จะได้เห็นความอดทนในการฝึกซ้อมของศิลปินว่า กว่าจะสำเร็จได้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง รวมถึงได้เห็นพัฒนาการด้านการร้องเพลง และการเต้นของน้อง ๆ ที่เก่งขึ้นเรื่อย ๆ 

แต่ว่า...ทุกอย่างล้วนมีค่าใช้จ่าย 

ศิลปินเองก็เช่นกันที่ต้องมีทีมงานอีกหลายชีวิต ซึ่งแต่ละคนล้วนมีภาระทางบ้านด้วยกันทั้งนั้น ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ทางเดียวที่จะทำให้วงอยู่ต่อได้ก็ต้อง “หารายได้”  จากแฟนคลับและผู้สนับสนุนจากแบรนด์สินค้าต่าง ๆ 

โมเดลรายได้ของ BNK48 มีดังนี้

  • ขายสินค้า : สติกเกอร์ไลน์, CD, Photoset, Photobook, Founder Member Box Set

  • งานอีเวนต์ : งานจับมือ คอนเสิร์ต แบรนด์จ้างไปโชว์ตัว แขกรับเชิญในรายการทีวี

  • คอนเทนต์ : MV, Live, รายการต่าง ๆ ทำให้ศิลปินเป็นที่รู้จัก มีผู้สนับสนุนมากขึ้น รวมทั้งขายสินค้าและได้งานอีเวนต์เพิ่มขึ้นอีกด้วย  

ในยุคที่เพลงหาฟังได้ฟรีแบบออนไลน์ รายได้จากการขายแผ่น CD ลดลงอย่างฮวบฮาบ วิธีการสร้างรายได้ลักษณะนี้น่าจะมาต่อลมหายใจให้ตลาดเพลงกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง ส่วนคนที่มาสนับสนุนศิลปินก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เป็นโอตะสายเปย์นั่นเอง

พอวันหนึ่งได้มีโอกาสฟังคลิปของเพจเสือร้องไห้ที่สัมภาษณ์โอตะสายเปย์ไปมากกว่า 2 แสนบาท จึงเข้าใจอารมณ์ของแฟนคลับมากขึ้น

เอาล่ะ เพื่อให้พวกเราเป็นโอตะที่มีพลังเปย์ขั้นเทพ ก็ต้องวางแผนหารายได้และใช้เงินกันหน่อย มาดูกันว่ามีวิธีการอะไรบ้างที่จะทำให้เราเปย์ไปสนับสนุนผลงานของสาว ๆ ได้ตลอดรอดฝั่ง ไม่ติดหล่มเงินหมดกลางทาง 


1. เริ่มต้นเพิ่มพลังโอตะสายเปย์ หารายได้จากการทำงาน

ถ้ายังอยู่ในวัยที่ต้องขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่นั้น ควรใช้จ่ายแบบระมัดระวัง ซื้อเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ แต่ไม่ควรเปย์หมดหน้าตัก ชักเงินเก็บออกมาจ่ายจนเกลี้ยงกระเป๋าแบบนี้มันมากเกินไป เพราะเราอยู่ในวัยเรียนยังต้องใช้เงินอีกเยอะ โดยเฉพาะค่าเล่าเรียนที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายก็ไม่พ้นสร้างภาระรายจ่ายให้พ่อแม่ ถ้าเป็นแบบนี้สมาชิก BNK48 คงรู้สึกไม่สบายใจที่ทำให้แฟนคลับลำบาก

เมื่อเราทำงานหาเงินเองได้แล้วจะใช้จ่ายอย่างไรก็ได้ แต่ควรดูกำลังของตัวเองว่าจ่ายไหวหรือเปล่า ถ้ายังใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือนก็ต้องขยันทำงาน หาเงินให้เก่งขึ้น เพื่อจะได้มีเงินมาสนับสนุนวงที่เรารักได้อย่างสบายใจ ไม่สร้างความยากลำบากให้ตัวเองและคนรอบข้าง 

ถ้ารายได้หลักไม่พอก็ต้องหารายได้เสริม ก่อนหน้านี้เคยเห็นคนรับจ้างต่อคิวซื้อใบจองคอนโด รับจ้างหิ้วของจากต่างประเทศ ตอนนี้เพิ่มมาเป็นคนรับจ้างหิ้วของ BNK48 เช่น มีการจัดอีเวนต์จับมือที่เชียงใหม่ แล้วเราอาศัยอยู่ในเชียงใหม่ด้วย คนในจังหวัดอื่น ๆ อยากได้ของ แต่อยู่ไกลมาซื้อไม่ได้ เราก็บริการซื้อของแทนให้ได้ 

ตัวอย่างคอมเมนต์ใน FB ที่ประกาศรับจ้างหิ้วของ BNK48

3 ขั้นตอนสู่การเป็นโอตะสายเปย์ขั้นเทพ!!
ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อควรระวัง

  • ฝ่ายคนรับจ้างหิ้ว  : แม้ว่าได้รับเงินค่าเหนื่อย แต่ก็ต้องระวังลูกค้าหัวหมอตั้งแง่กับของที่ส่งไป หรือสั่งของแล้วไม่จ่ายเงิน

  • ฝ่ายคนจ้าง : ไม่ต้องเดินทางไปซื้อเองให้เสียเวลาทำงาน แต่ก็ต้องระวังฝ่ายคนรับจ้างหิ้วที่ได้รับเงินไปแล้วชิ่งหนี ไม่ซื้อของให้เรา หรือว่าซื้อให้จริง แต่แอบแกะหรือสลับเอาของปลอมส่งมาให้เรา


2. เคล็ดลับจัดการเงินของสายเปย์ 

รายได้ - เงินออม - หนี้สิน = รายจ่ายส่วนตัว

 

3 ขั้นตอนสู่การเป็นโอตะสายเปย์ขั้นเทพ!!
ถ้าโอตะสายเปย์ต้องการสนับสนุนให้วงที่เรารักมีรายได้ สร้างผลงานอื่นออกมาอีกเรื่อย ๆ แต่ไม่อยากให้ตัวเองลำบากหมุนเงินไม่ทันช่วงสิ้นเดือน มันก็ต้องวางแผนการใช้เงิน โดยการแบ่งเงินออกเป็นส่วน ๆ แยกออกจากกัน คือ แบ่งออม แบ่งจ่ายหนี้ แบ่งใช้จ่ายส่วนตัว เพื่อจะได้ไม่ใช้เงินปะปนกัน 

เมื่อเรามีรายได้แล้วตัดออกไปออมเงินก่อน จากนั้นจ่ายหนี้สินที่ติดค้างไว้ สุดท้ายเหลือเงินเท่าไหร่ก็ใช้จ่ายส่วนตัวเท่านั้น ทำให้หมดปัญหาใช้จ่ายเพลินจนลืมจ่ายค่าบัตรเครดิตหรือหนี้ต่าง ๆ ก็จะมีเงินเหลือไปเปย์ให้สมาชิกที่เราชอบได้อีกด้วย

  • แบ่งออม : เพื่ออนาคต

เงินออมก้อนแรกที่โอตะควรมีเก็บไว้ก่อนที่จะเปย์สนับสนุนน้อง ๆ คือ เงินฉุกเฉิน 3 - 6 เท่าของค่าใช้จ่าย (หรือรายได้) เผื่อไว้ใช้ในช่วงที่เลวร้ายของชีวิต เช่น ทำงานประจำแล้วตกงาน ฟรีแลนซ์ไม่มีคนมาจ้าง น้ำท่วมบ้านพัง รถเสีย โอตะจะได้มีเงินก้อนนี้มาประทังชีวิตของตัวเอง เพื่อรอให้พายุความโชคร้ายนี้ผ่านพ้นไป แล้วค่อยกลับมาติดตามผลงานของน้อง ๆ ต่อไปได้

  • แบ่งจ่ายหนี้ : เพื่อเป็นไทจากหนี้

สารพัดหนี้สิน : เงินที่ยืมเพื่อน หนี้กยศ. หนี้บ้าน หนี้รถ  หนี้บัตรเครดิต หนี้นอกระบบ ฯลฯ

ควรสำรวจตัวเองก่อนว่าตอนนี้มีหนี้สินอยู่เท่าไหร่ ถ้ามีหนี้เกิน 30 - 40% ของรายได้ ควรเปย์แบบระมัดระวัง (เช่น รายได้ 20,000 บาท ไม่ควรมีหนี้เกิน 6,000 - 8,000 บาท) ทางที่ดีควรนำเงินไปชำระหนี้ก่อน เพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยเบ่งบาน เมื่อหนี้ลดลงแล้วค่อยเปย์สนับสนุนน้อง ๆ ก็ยังไม่สาย 

  • แบ่งใช้จ่ายส่วนตัว : เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

ทุกอย่างรอบตัวเราล้วนมีค่าใช้จ่าย เช่น การติดตามผลงานของน้อง ๆ ก็ต้องมีค่าอินเทอร์เน็ต ออกไปงานจับมือหรืองานอีเวนต์ก็ต้องมีค่าเดินทาง ระหว่างรองานจะเริ่มก็หิว มีค่ากินเพิ่มเข้ามา ทางที่ดีควรตั้งงบให้ตัวเองว่าจะเปย์สนับสนุนน้อง ๆ เท่าไหร่ที่ไม่กระทบกับชีวิตส่วนตัว แบบนี้ทำให้เราสบายใจกว่าที่เปย์ไปแล้วต้องมานั่งกินมาม่าทุกวัน อันนั้นก็จะทำให้ตัวเองเสียสุขภาพ 

3. เปย์อย่างมีสติ สติมา สตางค์อยู่!!!

เราคุ้นเคยกับของสะสมมานานแล้ว ตั้งแต่พระเครื่อง รูปภาพ กระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกา เหรียญหายาก ซึ่งของแต่ละชิ้นก็แบ่งลึกลงไปหลายรุ่น แล้วแต่ละรุ่นก็มีราคาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความนิยมในขณะนั้น ถ้าจะให้นึกถึงตัวอย่างที่ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนที่สุด เช่น เหรียญ 10 บาท ที่ผลิตปี 2533 มีมูลค่าซื้อขายในปัจุบันมากกว่า 100,000 บาท สาเหตุเพราะหายาก ผลิตออกมาเพียง 100 เหรียญเท่านั้น 

สินค้าที่จำหน่ายของ BNK48 ก็เช่นกัน เพราะสมาชิกแต่ละคนก็ได้รับความนิยมมากน้อยแตกต่างกัน จึงทำให้มีราคาขายต่อและราคาประมูลขายแตกต่างกันด้วย เช่น

เข็มกลัด เป็นภาพของสมาชิกแต่ละคนในวง จากเดิมเริ่มต้นที่ราคา 250 บาท มีราคาขายต่อตั้งแต่ 300 - 1,900 บาท

3 ขั้นตอนสู่การเป็นโอตะสายเปย์ขั้นเทพ!!

Photo Set  แต่ละ set จะมี 5 ภาพ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ชุดละ 250 บาท ความพิเศษอยู่ที่น้อง ๆ จะเขียนลายเซ็นด้วยตัวเองรวมอยู่ด้วย (รูปหายากนี้จะถูกเรียกว่า SSR : Super Special Rare) ซึ่งสมาชิก 1 คน มีรูป SSR อยู่ 5 ใบต่อ 1 Set เรียกง่าย ๆ ว่ารูปที่มีลายเซ็นนี้มีเพียง 5 ใบในโลก 

จากภาพนี้จะเห็นว่าภาพที่มีลายเซ็นของกัปตันเฌอปรางใบนี้ มีราคาซื้อขายในท้องตลาดอยู่ที่ 44,000 บาท ส่วน Photo Set อื่น ๆ ก็มีราคา 600 - 800 บาท

3 ขั้นตอนสู่การเป็นโอตะสายเปย์ขั้นเทพ!!

ตอนที่เจอข้อมูลส่วนนี้ก็ตกใจ เพราะไม่คิดว่าราคาจะไปไกลขนาดนี้ คนที่ซื้อมาขายต่อได้กำไรเกิน 100% มันก็เป็นเรื่องปกติที่เรารักใครแล้วอยากสะสมผลงานของเขาให้ครบ ภาพไหนที่ยังไม่มีก็ไปเสาะแสวงหามาจนได้ (ถ้าติดตามจดบัญชีรายจ่ายของตัวเองแบบนี้ได้ก็จะดี) แต่ทุกอย่างต้องมีสติ...

ก่อนหน้านี้มีข่าวเรื่องการประมูลภาพที่มีลายเซ็นของกัปตันเฌอปราง หลังจากเปิดประมูลไปไม่นาน ราคาก็ขึ้นไปแตะหลักหมื่น จนกระทั่งน้องมัธยมคนหนึ่งนำเงินที่ได้จากอั่งเปามาประมูลไปในราคา 40,000 บาท! 

แต่สุดท้ายก็ถูกล้มประมูล เพราะเจ้าของภาพที่เปิดประมูลนั้นเห็นว่ายังอยู่ในวัยเรียน เป็นการใช้จ่ายเกินตัว ไม่อยากให้คนภายนอกมองวงนี้ว่ามอมเมาเยาวชนและเป็นการทำให้ภาพลักษณ์ของวงไม่ดีอีกด้วย ซึ่งน้องที่ประมูล 40,000 บาทก็รับฟังและยอมถอย ทำให้การประมูลกลับมาอยู่ที่ราคา 26,000 บาท (จากข้อมูลในตอนนั้น ปัจจุบันราคาล่าสุดอยู่ที่ 32,000 บาท)

หากใครต้องการเข้าสู่เส้นทางโอตะสายเปย์ขั้นเทพก็ต้องกลับมาถามตัวเองว่า “เรามีกำลังจ่ายเท่าไหร่ที่ไม่ลำบากตัวเอง” และ “เราไหวมากน้อยแค่ไหนที่จะจ่ายราคาสูงขึ้น” ถ้าเราทำทุกอย่างด้วยความชอบ แต่ขาดความยับยั้งชั่งใจ อาจจะทำให้คนที่เรารักในครอบครัวเดือดร้อนได้ในอนาคต 

ถ้าเราขยันทำงาน หาเงินเก่ง มีรายได้เข้ามามาก แบ่งเงินไปออมเพื่ออนาคตของตัวเองและจ่ายหนี้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมีเงินเหลือก็ถึงเวลาเปย์เพื่อสมาชิกที่เราชื่นชอบกันได้อย่างสบายใจแล้ว 

ถ้าน้อง ๆ สมาชิกวง BNK48 รู้ว่าโอตะสายเปย์จัดการเงินก่อนใช้จ่ายแบบนี้ น่าจะทำให้น้องรู้สึกภูมิใจในตัวโอตะมากเลยทีเดียว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook