ส่องรายได้แสนล้านในมือ 'อิตาเลียนไทย' ยักษ์รับเหมาเบอร์หนึ่งของประเทศ?

ส่องรายได้แสนล้านในมือ 'อิตาเลียนไทย' ยักษ์รับเหมาเบอร์หนึ่งของประเทศ?

ส่องรายได้แสนล้านในมือ 'อิตาเลียนไทย' ยักษ์รับเหมาเบอร์หนึ่งของประเทศ?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีที่ผู้บริหารธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศถูกจับกลางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรนั้น Sanook! Money ขอพามาสำรวจรายได้และปริมาณงานในมือของ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กัน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) แถลงข่าวว่า ในปี 61 บริษัทน่าจะได้งานประมาณ 300,000 ล้านบาท หรือราว 30% ของงานภาครัฐที่คาดจะออกประมูลกว่า 1 ล้านล้านบาท ขณะที่ปี 60 บริษัทได้งานใหม่เข้ามา 130,000 ล้านบาท ซึ่งรวมงานในพื้นที่เหมืองแม่เมาะที่เพิ่งชนะประมูล มูลค่า 40,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะลงนามสัญญาได้ในเดือน มี.ค. 61

ทั้งนี้ งานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่จะออกประมูลในปีนี้ ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่ 9 เส้นทาง มูลค่าโครงการกว่า 400,000 ล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน มูลค่า 85,000 ล้านบาท โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-นครราชสีมา มูลค่า 120,000 ล้านบาท รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-ระยอง พร้อมเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่าราว 450,000 - 500,000 ล้านบาท ซึ่ง ITD มีความสนใจเข้าร่วมประมูล โดยรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-ระยอง ที่ภาครัฐจะให้ลงทุนรูปแบบ PPP นั้น ทางบริษัทได้จับมือกับพันธมิตรจากจีนเข้าร่วมประมูลด้วย

"งานของภาครัฐปีนี้จะมากกว่าปี 60 และก็เป็นงานใหญ่ที่อิตาเลียนไทยฯ มีความถนัดและเชี่ยวชาญ เราก็คาดว่าจะได้งานประมาณ 1 ใน 3 หรือไม่น้อยกว่า 300,000 ล้านบาท" นายเปรมชัย กล่าว

ส่วนรายได้ปี 60 คาดว่าจะทำได้ระดับ 60,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ 50,000 ล้านบาท และในปี 61 คาดว่าจะมีรายได้แตะ 100,000 ล้านบาท เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากปริมาณงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ 500,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 4 ปี (ปี 61-64) โดยเป็นงานในประเทศ และต่างประเทศ สัดส่วน 50:50

ขณะเดียวกันอัตรากำไรขั้นต้นในปี 60 คาดว่าจะปรับขึ้นมาเป็น 10% จาก 7-8% ในปีก่อน และในปี 61 จะทำได้ไม่น้อยกว่า 10% เพราะงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเป็นงานที่มีมาร์จิ้นสูง

จากรายงานประจำปี 2559 ระบุว่าในปีดังกล่าว บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาก่อสร้างขนาดใหญ่ที่จะช่วยเพิ่มรายได้ในอนาคตหลายโครงการ อาทิ

• โครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) ลานจอดอากาศยานและส่วนต่อ เชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ มูลค่า 11,207 ล้านบาท

• โครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำเทิน 1 สปป.ลาว มูลค่า 5,003 ล้านบาท (ตามสัดส่วนของบริษัทฯ ในกิจการร่วมค้า)

• โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ตอนทางแยกต่างระดับสระบุรี (สัญญาที่ 7-8-9) มูลค่ารวม 3,265 ล้านบาท

• โครงการก่อสร้างท่อรวบรวมน้ำเสียเมืองโฮจิมินห์ Package XL-01 Construction of the interceptor โดยวิธี Pipe Jacking มูลค่า 2,765 ล้านบาท

• โครงการก่อสร้างศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ พร้อมจัดหาเครื่องมือยกขนหลัก ที่ท่าเรือแหลมฉบัง มูลค่า 1,236 ล้านบาท

 

ขณะที่ในปี 2560 บริษัทฯ มีการลงนามในสัญญากับภาครัฐ เช่น

โครงการงานเสริมความมั่นคงโครงสร้างทาง (Track Strengthening) กับการรถไฟแห่งประเทศไทย รวมมูลค่า 792.23 ล้านบาท

โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 1 (มาบกะเบา-คลองจิตร) มูลค่า 7,560 ล้านบาท

โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 3 (งานอุโมค์รถไฟ) มูลค่า 9,290 ล้านบาท (บริษัทฯ ถือสัดส่วนลงทุนร่วม 70% เป็นมูลค่า 6,503 ล้านบาท)

โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่า 5,807 ล้านบาท

 

ผลประกอบการช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เป็นดังนี้

ปี 57 รายได้ 49,186.64 ล้านบาท กำไร 522.15 ล้านบาท

ปี 58 รายได้ 52,044.96 ล้านบาท ขาดทุน 361.74 ล้านบาท

ปี 59 รายได้ 48,389.18 ล้านบาท ขาดทุน 109.27 ล้านบาท

ปี 60 (ตัวเลข 9 เดือนแรก) รายได้ 40,154.45 ล้านบาท กำไร 246.64 ล้านบาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook