หุ้นเฟซบุ๊กร่วง เหตุนักลงทุนกังวลข้อมูลผู้ใช้รั่ว ทำซักเคอร์เบิร์กรวยลดลง 1.5 แสนล้าน
หุ้นเฟซบุ๊กดิ่งหนัก หลังข่าวบริษัททำแคมเปญหาเสียงให้ “ทรัมป์” ล้วงข้อมูลผู้ใช้บริการได้ถึง 50 ล้านคน
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (19 มี.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ปิดตัวร่วงลงกว่า 300 จุด เนื่องจากหุ้นของ เฟซบุ๊ก ดิ่งลงอย่างหนักถึง 6.8% และได้ฉุดหุ้นตัวอื่นในกลุ่มเทคโนโลยีร่วงตามไปด้วย หลังรายงานข่าวว่า “แคมบริดจ์ อนาลิติกา” (Cambridge Analytica) บริษัทวิเคราะห์การเมือง สามารถดึงข้อมูลและเข้าถึงโปรไฟล์ของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กกว่า 50 ล้านคน
โดยราคาหุ้นเฟซบุ๊กหล่นลงมาเหลือ 172.56 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (16 มี.ค. 61) ส่งผลให้มูลค่าความมั่งคั่งของเจ้าของบริษัทอย่างมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ลดลงไป 4,900 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท) หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดของเฟสบุ๊กที่มาร์ค ซักเคอร์เบิร์กครอบครอง ปรับลดลงมาอยู่ที่ 70,400 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.18 ล้านล้านบาท)
ทั้งนี้ เฟซบุ๊กได้หยุดให้ข้อมูลกับทาง แคมบริดจ์ อนาลิติกา ไปแล้ว เนื่องจากมีการละเมิดกฎหลายหลายข้อ โดยเฉพาะการนำข้อมูลของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กไปให้บุคคลอื่น
"แคมบริดจ์ อนาลิติกา" เป็นบริษัทที่ช่วยทำแคมเปญโฆษณาให้กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงลงสมัครชิงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 (พ.ศ. 2559) จนเกิดข้อกังขามาโดยตลอดว่า มีการนำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เฟซบุ๊กมาใช้ในการหาเสียงหรือไม่
แม้เฟซบุ๊กจะมีคลังข้อมูลของผู้ใช้บริการไว้มากมาย แต่ไม่สามารถนำไปขายหรือให้แก่บุคคลอื่นได้ ถ้าหากผู้ใช้บริการไม่อนุญาต ซึ่งถ้าตรวจสอบพบว่าเกิดขึ้นจริง เฟซบุ๊กจะถูกตรวจสอบและลงโทษร้ายแรง
ขณะที่ แคมบริดจ์ อนาลิติกา (Cambridge Analytica) บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลของอังกฤษ ที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลส่วนตัวจากเฟซบุ๊กกว่า 50 ล้านบัญชี เพื่อจูงใจคนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา