เริ่มใช้วันนี้! กฎหมายคุมเงินดิจิทัล-รัฐเก็บภาษีรายได้ 15%

เริ่มใช้วันนี้! กฎหมายคุมเงินดิจิทัล-รัฐเก็บภาษีรายได้ 15%

เริ่มใช้วันนี้! กฎหมายคุมเงินดิจิทัล-รัฐเก็บภาษีรายได้ 15%
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 14 พ.ค. เป็นต้นไป ให้อำนาจ คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการการซื้อขายแลกเปลี่ยน กำกับดูแล ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษทั้งแพ่งและอาญา

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 13 พ.ค. 2561 เผยแพร่พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ซึ่งกฎหมายดังกล่าวมีทั้งสิ้น 100 มาตรา โดยเหตุผลที่ประกาศใช้ระบุว่า ปัจจุบันได้มีการนำคริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือในการระดมทุนผ่านการเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน รวมถึงนำมาซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนในศูนย์ซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล แต่ยังไม่มีกฎหมายที่กำกับหรือควบคุมการดำเนินการดังกล่าวในประเทศไทย ซึ่งทำให้มีการประกอบธุรกิจหรือการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน ระบบเศรษฐกิจของประเทศ และเกิดผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง

ดังนั้น เพื่อกำหนดให้มีการกำกับและควบคุมการประกอบธุรกิจและการดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล และเพื่อรองรับการนำเทคโนโลยีมาทำให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน อันจะเป็นการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบธุรกิจที่มีศักยภาพมีเครื่องมือในการระดมทุนที่หลากหลาย รวมทั้งประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องมีข้อมูลที่ชัดเจนเพียงพอเพื่อใช้ในการตัดสินใจ เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการ และป้องกันมิให้มีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่มีแหล่งที่มาที่ชัดเจนไปใช้ประโยชน์หรือกระทำการใดในลักษณะที่เป็นการหลอกลวงประชาชนหรือที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชญากรรม และโดยที่เป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องตราพระราชกำหนดนี้

ทั้งนี้ ในบทเฉพาะกาล มาตรา 100 ได้กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้ประกอบธุรกิจอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชกำหนดนี้ใช้บังคับและเป็นธุรกิจที่ต้องขออนุญาตตามพระราชกำหนดนี้ หากจะดำเนินกิจการต่อไป ให้ยื่นคำขออนุญาตตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกำหนดนี้ ภายใน 90 วันนับแต่วันที่พระราชกำหนดนี้มีผลใช้บังคับ และเมื่อได้ยื่นคำขออนุญาตแล้ว ให้ดำเนินกิจการต่อไปได้จนกว่าจะมีคำสั่งไม่อนุญาต

ขณะเดียวกันยังมีการประกาศ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยเฉพาะในเรื่องภาษีเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ได้จากการถือหรือครอบครองโทเคนดิจิทัล หรือการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ซึ่งมีเพียง 4 มาตราเท่านั้น โดยได้กำหนดให้เก็บในอัตราภาษี 15%

โดยใน พ.ร.ก. ดังกล่าว ให้ความหมายคำว่า 'คริปโทเคอร์เรนซี' คือ หน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนระบบหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีความประสงค์จะใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าบริการ หรือ สิทธิอื่นใด หรือ แลกเปลี่ยนระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัล และให้หมายรวมถึงหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อื่นใดตามที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด 

พร้อมกันนี้ยังให้ความหมายคำว่า 'โทเคนดิจิทัล' คือ หน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนระบบหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) กำหนดสิทธิของบุคคลในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือกิจการใดๆ 2) กำหนดสิทธิในการได้มา ซึ่งสินค้าหรือบริการหรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในข้อตกลงระหว่างผู้ออกและผู้ถือ และให้หมายรวมถึงหน่วยแสดงสิทธิอื่นตามที่ คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด

ส่วนคำว่า 'สินทรัพย์ดิจิทัล' หมายถึง คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล และ 'ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล' หมายถึง การประกอบธุรกิจตามประเภทต่างๆ ได้แก่ 1) ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล 2) นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล 3) ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล และ4) กิจการอื่นที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลตามที่ รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. 

นอกจากนี้ ใน พ.ร.ก. ดังกล่าวยังให้อำนาจ คณะกรรมการ ก.ล.ต. ออกประกาศกำหนดในหลายเรื่อง อาทิ หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณราคาสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินไทย, หลักเกณฑ์และวิธีการการซื้อขาย แลกเปลี่ยน หรือได้รับฝากไว้กับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล, การกำกับและควบคุมการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลและการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงการเลิกประกอบธุรกิจ การเพิกถอนการอนุญาตประกอบธุรกิจ และการห้ามการทำธุรกรรม เป็นต้น 

สำหรับการกำหนดโทษ กฎหมายระบุโทษทางอาญาในกรณีต่างๆ อาทิ การเสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยฝ่าฝืนหรือไม่ได้รับอนุญาต หรือ เสนอขายโดยไม่กระทำผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลตามที่กฎหมายกำหนด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับเป็นเงินไม่เกิน 2 เท่าของราคาขายของโทเคนดิจิทัลทั้งหมด ซึ่งผู้นั้นได้เสนอขาย แต่ทั้งนี้ เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่า 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือผู้ใดเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน ก่อนที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนที่ยื่นไว้ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. มีผลบังคับใช้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับเป็นเงินไม่เกิน 1 เท่าของราคาขายของโทเคนดิจิทัลทั้งหมด ซึ่งผู้นั้นได้เสนอขาย แต่ทั้งนี้ เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่า 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นต้น 

พร้อมกันนี้ ยังมีมาตรการลงโทษทางแพ่ง อาทิ จ่ายค่าปรับ จ่ายเงินชดใช้เท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิด ห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งต้องไม่เกิน 10 ปี 

ทั้งนี้ พ.ร.ก. นี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หรือ ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 2561 เป็นต้นไป 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook