10 เรื่องสุดโต่งของ "อีลอน มัสก์"

10 เรื่องสุดโต่งของ "อีลอน มัสก์"

10 เรื่องสุดโต่งของ "อีลอน มัสก์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งบริษัท SpaceX และผู้บริหารบริษัท Tesla Motor เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จจากการปล่อยจรวจ Falcon Heavy สู่อวกาศ โดยความสำเร็จของเขาเกิดจากเป้าหมายและมุมมองที่แตกต่างจากคนทั่วไป ดังนี้

1. อีลอน มัสก์ ตั้งเป้าช่วยเหลือมนุษยชาติ ด้วยการอพยพไปอยู่บนดาวอังคาร

  • อีลอน มัสก์ เห็นว่าทรัพยากรลดลง แถมมีความเสี่ยงที่โลกจะถูกอุกกาบาตชน
  • ความทะเยอทะยานทำให้เขาตั้งเป้าหมายอย่างยิ่งใหญ่
  • อีลอน มัสก์ เคยต่อว่าพนักงานที่เลือกไปดูหน้าลูกเป็นครั้งแรกแทนที่จะเข้าร่วมงาน Event ของบริษัท เพราะมองว่าพนักงานคนดังกล่าวไม่ให้ความสำคัญกับเป้าหมายของบริษัท อย่างไรก็ตาม พนักงานยังเคารพ อีลอน มัสก์ เนื่องจากเขามีเป้าหมายที่ชัดเจนและนำมาสู่ความสำเร็จ
  • อีลอน มัสก์ เชื่อมั่นในตัวเองสูง ทำให้เขาสามารถจัดตารางงานเยอะๆได้

2. สารานุกรมคือเพื่อสมัยเด็กของ อีลอน มัสก์

  • สมัยที่ อีลอน มัสก์ เป็นเด็ก ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับเขาไม่ราบรื่น เพราะพ่อแม่เลิกกัน อีลอน มัสก์ จึงตัดสินใจไปอยู่กับพ่อเหตุผลคือต้องการเพื่อน
  • อีลอน มัสก์ ถูกเพื่อนแกล้งอย่างหนัก ถึงขั้นโดนซ้อมจนไปโรงเรียนไม่ได้เป็นสัปดาห์ ด้วยเหตุนี้เขาจึงหลีกหนีความวุ่นวายด้วยการอ่านหนังสือและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จนเขาอ่านสารานุกรม 2 เล่มและจำได้ทุกรายละเอียด
  • The Hitchhiker’s Guide to the Galaxy คือหนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจให้ อีลอน มัสก์ ช่วยจุดประกายให้รู้ว่าการตอบคำถามง่าย แต่การถามคำถามที่ถูกต้องเป็นเรื่องยาก
  • อีลอน มัสก์ เริ่มตั้งคำถามถึงการพัฒนามนุษยชาติตั้งแต่เด็ก พอขึ้นมัธยมฯเริ่มมีมุมมองเกี่ยวกับแนวคิดล้ำๆ ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ การยึดครองดาวอื่นๆ ระบบธนาคารออนไลน์ หรือจรวดอวกาศ
  • เมื่อ อีลอน มัสก์ อายุ 12 เขาสามารถขายวิดีโอเกม Blastar ซึ่งสร้างขึ้นเองในราคา $50

3. จีบภรรยาคนแรกโดยซื้อไอศกรีมให้

  • ปี 1988 อีลอน มัสก์ เดินทางไปแคนาดาเพราะไม่อยากถูกเกณฑ์ทหารในแอฟริกาใต้ เขาได้เข้าเรียนที่ Queen’s University ที่ช่วยหล่อหลอมบุคลิกตัวตนของมัสก์ให้ชัดเจน
  • ความทะเยอทะยานของ อีลอน มัสก์ ช่วงนี้ยิ่งใหญ่กว่าตอนอยู่มัธยมฯ เพราะเขาเข้าร่วมการแข่งขันพูดหน้าสาธารณะชน เรียนวิชาบริหารธุรกิจ และยังชนะใจ Justine Wilson ภรรยาคนแรกที่ให้กำเนิดลูกของเขาถึง 6 คน
  • ตอนแรก Wilson ไม่ได้สนใจ อีลอน มัสก์  เท่าไหร่ แต่เขาไม่ยอมแพ้ง่าย จึงได้แอบถามเพื่อนของ Wilson ว่าเธอชอบไอศกรีมรสอะไร แล้วซื้อไอศกรีมไปฝากเธอ
  • หลังเรียนที่ Queen’s ได้ 2 ปี อีลอน มัสก์ ย้ายไปเรียนที่ University of Pennsylvania เป็นที่ที่เขาเริ่มเจอเพื่อนคอเดียวกัน ไม่ใช่แค่เรื่องความชอบส่วนตัว แต่เป็นนิสัยรักการหาเงินด้วย

4. อีลอน มัสก์ ทำธุรกิจอินเตอร์เน็ตในช่วงที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องโง่เง่า

  • หลังจบการศึกษาใหม่ๆ อีลอน มัสก์ กับน้องชายร่วมกันตั้ง Global Link Information Network(Zip2) ในปี 1995 ใช้ประโยชน์จากปรากฎการณ์ Dotcom เป้าหมายของบริษัทนี้คือช่วยเหลือธุรกิจที่อยากลงสมรภูมิออนไลน์แต่ยังงงๆ กับอินเตอร์เน็ต
  • การดำเนินงานของบริษัทในช่วงแรกไม่ราบรื่นเท่าไร เพราะบริษัทอื่นๆไม่ค่อยมีความรู้ว่าอินเตอร์เน็ตสามารถสร้างประโยชน์อะไรได้บ้าง พวกเขาเคยได้คำต่อว่ากลับมา “อินเตอร์เน็ตเป็นเรื่องที่โง่ที่สุดที่เคยได้ยินมา”
  • สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อบริษัท Venture Capitalist อย่าง Mohr Davidow Ventures เข้าร่วมลงทุนในบริษัท เพราะประทับใจวิสัยทัศน์ของ อีลอน มัสก์  แต่ตำแหน่ง CEO ของเขาถูกแทนที่ด้วยคนใหม่อย่าง Rich Sorkin แทน
  • ยิ่งเงินหลั่งไหลเข้ามามากเท่าไร บริษัทก็ยิ่งจ้างวิศวกรใหม่ๆ เข้ามา พวกเขาจัดการเปลี่ยนแปลงระบบ Coding ให้ง่ายขึ้นหมด ทำให้ อีลอน มัสก์ ไม่พอใจ เพราะอุตส่าห์เรียนรู้การ Coding ด้วยตัวเองมาตั้งนาน ถึงอย่างนั้นการเข้ามาของ Mohr Davidow ก็ทำให้โครงสร้างบริษัทดีขึ้น
  • ในปี 1999 บริษัท Zip2 ก็ได้รับข้อเสนอขอซื้อจากบริษัทคอมพิวเตอร์อย่าง Compaq Computer ในจำนวน $307 ล้าน แต่ อีลอน มัสก์ ไม่เคยคิดจะข้องเกี่ยวกับ Compaq มาตั้งแต่ต้น เขามีไอเดียอยากทำโปรเจ็กต์ใหม่และอยากจะเป็น CEO เลยขาย Zip2 ไป

5. อีลอน มัสก์ ผู้อยู่เบื้องหลัง PayPal

  • อีลอน มัสก์ นำเงินส่วนหนึ่งที่ได้มาจากการขาย Zip2 ให้ Compaq มาสร้างบริษัทใหม่ นั่นคือ X.com เป็นบริษัทธนาคารออนไลน์แห่งแรกของโลก เพิ่มความน่าเชื่อถือด้วยการมีคู่ค้าเป็น Barclays
  • แต่คู่แข่งก็ถือกำเนิดขึ้น เมื่อ Max Levchin และ Peter Thiel กำลังพัฒนาระบบการจ่ายเงินที่ Confinity ก่อนที่จะสร้างเวอร์ชั่นแรกของ PayPal ขึ้นมา
  • หลังจากที่แข่งกันไปได้สักระยะ ทั้ง 2 บริษัทตัดสินใจควบรวมกันในปี 2000 เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีดีในแบบของตัวเอง ถ้าเอามารวมกันมันก็จะดียิ่งขึ้น
  • อีลอน มัสก์ ประสบปัญหาเมื่อ Thiel กับ Levchin สละเรือ แม้เพื่อนร่วมงานของเขาจะชอบ PayPal แต่ อีลอน มัสก์ อยากไปโฟกัสที่ X.com มากกว่า ระหว่างนั้นระบบเว็บไซต์ก็ล่มบ่อยครั้ง
  • ในระหว่างที่ อีลอน มัสก์ กับภรรยากำลังจะไปฮันนีมูน กลุ่มผู้บริหารระดับสูงได้ขอให้ Thiel กลับมาเป็น CEO แล้วลดตำแหน่งของ อีลอน มัสก์ เป็นปรึกษาแทน
  • บริษัทเปลี่ยนชื่อจาก X.com เป็น PayPal ซึ่งภายหลังถูกขายให้ eBay ในปี 2002 ด้วยมูลค่า $1.5 พันล้าน ส่วนมัสก์ได้เงินมา $250 ล้าน

6. อีลอน มัสก์ อยากสร้างจรวจในราคาถูก

  • ในปี 2001 อีลอน มัสก์ ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ LA ใกล้กับศูนย์กลางของอุตสาหกรรมอวกาศ
  • อีลอน มัสก์ เริ่มแผนบุกอวกาศ โดยวางแผนสร้างจรวดที่ใช้ต้นทุนต่ำกว่า โดยปี 2002 บริษัท SpaceX หรือ Space Exploration Technologies จึงได้ถือกำเนิด
  • แผนของ อีลอน มัสก์ ในตอนแรก คือการยิงจรวดภายใน 15 เดือนหลังบริษัทก่อตั้ง แต่ในความเป็นจริงต้องใช้เวลาเตรียมตัวพัฒนาจรวดถึง 4 ปี แม้รู้ว่าโอกาสล้มเหลวมีมาก แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้
  • ความพยายามของ อีลอน มัสก์ ไม่สูญเปล่าเมื่อ SpaceX เป็นบริษัทแรกที่ยิงจรวด Dragon ขึ้นไปบนอวกาศและสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย

7. อีลอน มัสก์ ไม่ได้ก่อตั้ง Tesla Motor แต่เป็นผู้ถือหุ้นเพียงหนึ่งเดียวและประธานบริษัท

  • อีลอน มัสก์ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ดูดีขึ้นมา จากสมับก่อนไม่ได้ดูเท่เท่าไหร่นัก
  • เรื่องมันเริ่มขึ้นเมื่อ J.B. Straubel, Martin Eberhard และ Marc Tarpenning ร่วมกันพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ในปี 2003 Eberhard และ Tarpenning ได้ก่อตั้ง Tesla Motors ซึ่ง Straubel มาร่วมวงด้วยทีหลัง
  • Tesla หมายมั่นปั้นมือว่าจะสร้างเทคโนโลยีที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งไปเร็วยิ่งกว่าเฟอร์รารี่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้นักลงทุนคล้อยตามเท่าไรนัก
  • ในทางตรงกันข้าม อีลอน มัสก์ ได้ลงทุนในบริษัทไป $6.5 ล้าน ทำให้เป็นผู้ถือหุ้นเพียงหนึ่งเดียว พ่วงตำแหน่งประธานบริษัท มุมมองของ อีลอน มัสก์ ที่มีต่อโปรเจ็กต์นี้ คือ ปฏิวัติรถยนต์ไฟฟ้าให้เป็นที่นิยมและมีประสิทธิภาพ ช่วยลดปัญหามลภาวะบนโลก
  • Tesla ใช้เวลาตั้งตัวอยู่นาน แต่ก็ประสบความสำเร็จใจปี 2012 รถ Model S sedan ได้รับการสรรเสริญว่าเป็น “คอมพิวเตอร์ที่มีล้อ” “รถยนต์แห่งปี” “รถยนต์ที่ดีที่สุดที่เคยมีมานับตั้งแต่ Chrysler” ต้องขอบคุณเทคโนโลยีสุดล้ำในตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ตแรงๆ หรือระบบเซนเซอร์ที่ผู้ขับไม่ต้องแตะอะไรเลยก็สามารถสตาร์ตรถได้

8. อีลอน มัสก์ สร้างอาณาจักรของตัวเองจากหลายๆ บริษัทที่เกี่ยวข้อง

  • อีลอน มัสก์ อยากข้องเกี่ยบพลังงานแสงอาทิตย์มานานแล้ว เมื่อญาติของเขา (พี่น้องตระกูล Rive) มาขอไอเดียธุรกิจใหม่ เขาจึงเสนอพลังงานแสงอาทิตย์ขึ้นมา
  • ที่จริงแผงกลังงานแสงอาทิตย์ราคาไม่แพง แต่เพราะขั้นตอนการติดตั้งทำให้แพงต่างหาก ทำให้ลูกค้าหลายๆคน แหยงพี่น้องตระกูล Rive เลยแก้ปัญหานี้ด้วยการเสนอบริการติดตั้งตั้งแต่ต้นจนจบ
  • อีลอน มัสก์ เข้ามาช่วยบริษัทถึงการวางโครงสร้างธุรกิจ จนสุดท้ายเป็นประธานบริษัท และผู้ถือหุ้นหลัก โดย 6 ปีต่อมาก SolarCity กลายเป็นผู้เล่นที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจรับติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ขยายฐานลูกค้าจากรายบุคคลไปสู่องค์กรอย่าง Walmart และ Intelโดยในปี 2014 มูลค่าของบริษัทอยู่ประมาณ $7 พันล้าน
  • การผสานกันระหว่าง SpaceX, Tesla และ SolarCity ช่วยให้ อีลอน มัสก์ มุ่งสู่เป้าหมายของตัวเอง นั่นก็คือการปกป้องมนุษยชาติ ฟังก์ชั่นของแต่ละบริษัทก็ทำงานร่วมกันได้ดี เช่น Tesla สร้างแบตเตอรี่ที่ SolarCity สามารถขายให้ลูกค้าได้ ในทางกลับกัน Tesla ก็ได้แผงพลังงานแสงอาทิตย์จาก SolarCity มาประกอบเป็นที่ชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV)

9. อีลอน มัสก์ ตั้งเป้าย่นระยะเวลาเดินทางจาก 2 ชั่วโมง ให้เหลือเพียง 30 นาที

  • ในปี 2013 อีลอน มัสก์ เปิดเผยว่าหนึ่งโปรเจ็กต์ที่อยากทำคือ Hyperloop ซึ่งเป็นการเดินทางแบบใหม่สำหรับระยะทางที่ไม่ไกลนัก ลักษณะเป็นท่อใหญ่ เสมือนช่องทางให้ยานพาหนะเดินทางข้ามผ่านไปได้
  • เทคโนโลยีของ อีลอน มัสก์ ทำให้ยานพาหนะเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็ว 800 ไมล์ต่อชั่วโมง ถ้าเทียบ คือ การเดินทางจาก LA ไป San Francisco ภายใน 30 นาที (หากเดินทางด้วยเครื่องบินจะใช้เวลา 1.30-2 ชั่วโมง)
  • โปรเจ็กต์สำหรับ Tesla และ SpaceX ก็ทยอยออกมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการพาคนขึ้นอวกาศ หรือการสร้าง Gigafactory – ฐานการผลิตแบตเตอรี่ Lithium-Ion ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แบตเตอรี่เป็นพระเอกที่ทำให้รถยนต์ Tesla สามารถขับเคลื่อนในระยะทางไกลๆ ได้
  • มีคนบอกมาว่า อีลอน มัสก์  ใฝ่ฝันอยากจะเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้เหยียบดาวอังคาร

10. อีลอน มัสก์ แต่งงานกับภรรยาคนเดิมถึง 2 ครั้ง

  • อีลอน มัสก์ แต่งงาน 3 ครั้ง โดย 2 ครั้งนั้นแต่งกับภรรยาคนเดิม
  • อีลอน มัสก์ ไม่ใช่สามีที่อ่อนโยน มีครั้งหนึ่งเขาเคยบอก Justine ภรรยาคนแรกของเขาว่า ถ้าหล่อนเป็นพนักงานในบริษัทเขา เขาคงไล่หล่อนออกไปแล้ว
  • หลังจากที่ อีลอน มัสก์ หย่ากับ Justine เขาได้พบกับ Talulah Riley นักแสดงวัย 22 ปีที่กลายมาเป็นภรรยาคนที่สองของเขา
  • อีลอน มัสก์ หย่ากับ Riley ครั้งแรกในปี 2012 และกลับมาแต่งงานกันอีก ตอนนั้นเขาเริ่มกระจ่างแจ้งว่าคงไม่สามารถคงความสัมพันธ์ไปด้วยหากยังคงทำงานหนักแบบนี้ (อีลอน มัสก์ เคยคำนวณว่าผู้หญิงต้องการให้ผู้ชายอยู่กับหล่อนอย่างน้อย 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) ในปี 2014 เขาเลยหย่ากับ Riley อีกครั้ง
  • บางเสียงเล่าขานถึงความไม่อ่อนโยนของ อีลอน มัสก์ ที่มีต่อพนักงาน เช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Mary Beth Brown ซึ่งเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของเขา หลังจากที่ Brown ขอขึ้นเงินเดือน อีลอน มัสก์ บอกให้เธอไปพัก 2 สัปดาห์ ในระหว่างนั้นเขาจะพิจารณาคำขอ แต่เมื่อครบกำหนดเขากลับบอกว่าไม่ต้องการหล่อนอีกแล้ว
  • ถึงอย่างนั้น เสียงจากคนใกล้ตัวก็บอกว่า จริงๆ แล้ว อีลอน มัสก์ เป็นคนจิตใจดีนะ อย่าง Riley ที่เป็นภรรยาคนที่สองก็บอกว่า แม้ อีลอน มัสก์ จะตารางยุ่งมากๆ แต่เขาพยายามกลับบ้านมาทานข้าวเย็นและเล่นเกมคอมพิวเตอร์กับลูกๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook