“หยอด-แคะ-รับตังค์” แฟรนไชส์ขนมครกเพื่อคนขี้เกียจ
ขนมไทยสีเขียว ที่อบอวลด้วยกลิ่นกะทิและใบเตย ซึ่งผ่านการใช้ความร้อนด้วยเตาทองเหลืองตามแบบโบราณ หากใครได้ลิ้มรสสัมผัสแรก จะพบกับความหอม นุ่ม กรอบนอก นุ่มใน…นี่คือ ขนมครกสิงคโปร์ ขนมไทยสูตรชาววังที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน และน้อยคนที่จะได้สัมผัสขนมครกสิงคโปร์สูตรต้นตำรับที่แท้จริง
Sanook! Money มีโอกาสได้พูดคุยกับ ใบพัด-อธิษฐ์พัชร นิพิษฐาภัทร เจ้าของแบรนด์ ท่าช้าง ขนมครกสิงคโปร์ ถึงจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจแฟรนไชส์ จากแนวคิดทำเล่นๆสู่รายได้เดือนละแสน พร้อมไอเดียสุดบรรเจิดที่ไม่เหมือนใคร และสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่มองเห็นว่า “ความชอบก็ทำเงินได้”
ปรากฎการณ์ “ออเจ้า” ฟีเวอร์ ผุดไอเดีย “ท่าช้าง ขนมครกสิงคโปร์”
คุณใบพัด-อธิษฐ์พัชร นิพิษฐาภัทร วัย 36 เจ้าของแบรนด์ ท่าช้าง ขนมครกสิงคโปร์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่เปิดร้าน “ท่าช้าง ขนมครกสิงคโปร์” ว่าตนชอบทานขนมหวาน ประกอบกับช่วงนั้นเกิดปรากฎการณ์ “ออเจ้า” จากละครบุพเพสันนิวาส ที่สำคัญตนได้รับมรดกด้านขนมไทยโบราณจากญาติผู้ใหญ่ นั่นคือ สูตรขนมครกสิงคโปร์ จึงอยากให้คนไทยได้รู้จักขนมไทยชาววังที่แท้จริง โดยนำสูตรขนมครกสิงคโปร์โบราณมาปรับสูตรให้โมเดิร์น ด้วยการใส่สีสันจากธรรมชาติให้ดูน่าทาน เช่น สีม่วงจากมันม่วง , สีเหลืองจากทุเรียน , สีสมจากชาไทย และตอนนี้มีมากกว่า 10 รสชาติแล้ว ทำให้ขนมครกสิงคโปร์มีความแตกต่างและยังเพิ่มมูลค่าสินค้าให้สูงขึ้น สนนราคากล่องละ 40 บาท
เมื่อสูตรขนมครกสิงคโปร์ลงตัวแล้ว ได้เปิดร้านคีออสเล็กๆขายอยู่ที่ ประชาราษฎร์บำเพ็ญ 23 เพราะคับคั่งไปด้วยร้านอาหาร ถือเป็นทำเลทอง เพราะที่นั่นจะมีคนสัญจรไปมาอยู่ตลอดเวลา และพฤติกรรมของคนไทยเมื่อกินของคาวเสร็จต้องจบที่ของหวานเสมอ และจับกลุ่มลูกค้าอายุ 25-45 ปี และมีรสนิยมดี
“ขนมเลือกคนซื้อ ไม่ใช่คนซื้อเลือกขนม” ใบพัด กล่าว
แฟรนไชส์สำหรับคนขี้เกียจ สู่ยอดขายเดือนละแสน
คุณใบพัด เล่าว่า แม้ธุรกิจแฟรนไชส์จะเพิ่งเปิดขายได้เมื่อต้นปี 2561 แต่ยอดขายขนมครกสิงคโปร์อยู่ที่เดือนละแสนบาท โดยสัดส่วนจากการขายหน้าร้านอยู่ที่ 4,000 บาทต่อวัน ยอดขายจาก Line Man อยู่ที่ 5,000 บาทต่อวัน และยอดขายจากการออกงานอีเว้นท์จำนวนมาก
นอกจากนี้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ 2 เจ้าทั้งไทยและเทศ ติดต่อเข้ามาเพื่อขอซื้อแบรนด์ท่าช้าง ขนมครกสิงคโปร์แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาหาข้อสรุปอยู่ อีกทั้งมีคนทั่วไปที่สนใจติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์แล้วมากกว่า 100 ราย โดยกลุ่มคนส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงวัย , หนุ่มสาว และผู้ที่เริ่มสร้างครอบครัว และธุรกิจนี้เหมาะสำหรับคนขี้เกียจ เพราะวิธีทำไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด
“หยอด แคะ รับตังค์ แฟรนไชส์สำหรับคนขี้เกียจ” ใบพัด กล่าว
ขนมสิงคโปร์ เตรียมโกอินเตอร์ตีตลาดนอก
คุณใบพัด กล่าวถึงแผนการทำธุรกิจในอนาคตว่า ก่อนสิ้นปี 2561 จะต้องมีแฟรนไชส์ 10 ราย โดยจะต้องมียอดขายเดือนละ 1 ล้านบาท พร้อมกับตั้งเป้าให้ร้านท่าช้าง ขนมครกสิงคโปร์ เป็น Destiny Street Food of Thailand เจาะตลาดต่างชาติมากขึ้น โดยคาดว่าในปี 2562 เตรียมบุกห้างที่มีต่างชาติอยู่คับคั่ง และจะโกอินเตอร์ไปประเทศจีน และโซนยุโรปอย่างอังกฤษด้วย
“การทำธุรกิจ เก่งไม่กลัว กลัวช้า” ใบพัดกล่าว
ไม่เพียงแค่แผนการตลาดในอนาคตเท่านั้นที่จะทำ แต่ยังพัฒนาในส่วนของขนมครกสิงคโปร์ด้วย โดยทุกๆ 15 วันจะออกขนมครกสิงคโปร์ 1 รสใหม่ เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับลูกค้า พร้อมเปิดโหวตให้ลูกค้าเลือกว่าอยากทานรสชาติใดมากที่สุด รวมถึงมีแผนที่จะพัฒนาขนมครกสิงคโปร์ให้สามารถเก็บได้เกิน 1 สัปดาห์ และจะแตกไลน์ทำเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ ท่าช้าง ขนมครกสิงคโปร์ อีกด้วย
สังเกตไหม? ธุรกิจนี้แม้จะลงทุนไม่มาก แต่ถ้ามีไอเดียและทำการตลาดเป็น ก็ทำให้แบรนด์แข็งแกร่งกว่าคู่แข่ง จนสร้างยอดขายได้ถล่มทลายเลยทีเดียว
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ