"กระทรวงพาณิชย์" ดันร้านธงฟ้าขายสินค้าออนไลน์ เพื่อยกระดับร้านค้า "โชวห่วย-ไฮบริด"

"กระทรวงพาณิชย์" ดันร้านธงฟ้าขายสินค้าออนไลน์ เพื่อยกระดับร้านค้า "โชวห่วย-ไฮบริด"

"กระทรวงพาณิชย์" ดันร้านธงฟ้าขายสินค้าออนไลน์ เพื่อยกระดับร้านค้า "โชวห่วย-ไฮบริด"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้เร่งรัดในการยกระดับธุรกิจค้าส่งค้าปลีกให้มีความแข็งแกร่งทั้งในส่วนของการประกอบธุรกิจ และการขยายช่องทางการตลาดเพื่อเพิ่มรายได้ รวมถึงลดต้นทุนค่าใช้จ่ายโดยใช้ระบบอี-คอมเมิร์ซเข้ามาช่วยบริหารจัดการ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้บูรณาการให้ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐจำหน่ายสินค้าชุมชน สินค้าโอทอป และสินค้าเอสเอ็มอีผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อยกระดับร้านค้าฯ ให้เป็น ‘ร้านโชวห่วย-ไฮบริด’ ซึ่งนอกจากจะจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภคผ่านทางหน้าร้านปกติแล้ว ยังสามารถจำหน่ายสินค้าชุมชน สินค้าโอทอป และสินค้าเอสเอ็มอีผ่านช่องทางออนไลน์ได้อีกด้วย ทำให้เกิดรายได้แก่ร้านค้าอีกทางหนึ่ง

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะคัดเลือกสินค้าจากผู้ประกอบการสินค้าชุมชน สินค้าโอทอป และสินค้าเอสเอ็มอีที่ผ่านการส่งเสริมจากกระทรวงฯ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีศักยภาพ ผู้ผลิตมีกำลังการผลิตเพียงพอต่อการรองรับคำสั่งซื้อจากร้านค้าทั่วประเทศ ยอมรับเงื่อนไขของการจัดส่งสินค้าและการรับชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยผู้ผลิตสินค้าฯ จะต้องเป็นผู้รับภาระต้นทุนการจัดส่งสินค้า โดยจะได้ส่วนต่างกำไร (Margin) จากการจำหน่ายสินค้า

ส่วนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่เข้าร่วมโครงการฯ จะดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน ‘โชวห่วย-ไฮบริด’ ของกระทรวงพาณิชย์ ทางระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) และเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ดังกล่าวไปใช้งาน ผู้ใช้งานของร้านค้าฯ จะต้องได้รับการยืนยันตัวตนจากกระทรวงพาณิชย์ก่อน จึงจะสามารถเข้าสู่ระบบการซื้อขายสินค้าชุมชนออนไลน์ได้

เบื้องต้นจะมีการนำร่องใช้ระบบดังกล่าวกับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ที่มีศักยภาพในเขตกรุงเทพมหานครก่อน ประมาณ 1,400 ร้านค้า จากนั้นจะประเมินผลที่เกิดขึ้นและดำเนินการปรับปรุงให้มีความสมบูรณ์ ก่อนจะขยายสู่การใช้งานทั่วประเทศต่อไป

ทั้งนี้ ในปี 2560 ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกทั้งประเทศมีมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 1.83 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13.9 ของ GDP ประเทศไทย เป็นอันดับ 3 รองจากภาคบริการ (32.6%)  และภาคการผลิต (27.7%) เกิดการจ้างงานกว่า 2.9 ล้านคน (27.5%) ของการจ้างงานทั้งประเทศ ซึ่งเป็นอันดับ 2 รองจากภาคบริการ (44.8%)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook