อยากสวยแบบ “อรุณา” ใน “เมีย2018” ต้องมีเงินเท่าไหร่?

อยากสวยแบบ “อรุณา” ใน “เมีย2018” ต้องมีเงินเท่าไหร่?

อยากสวยแบบ “อรุณา” ใน “เมีย2018” ต้องมีเงินเท่าไหร่?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฉุดไม่อยู่จริงๆ สำหรับละครดราม่าเผ็ดร้อน “เมีย2018” ทางช่อง One31 ที่เรื่องราวกำลังเดินเข้าสู่ความเข้มข้น หลัง อรุณา หรือ บี น้ำทิพย์ โบกมือลาชีวิตแม่บ้าน ออกไปทำงาน โดยเปลี่ยนลุคใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า หน้า ผม เพื่อเรียกความมั่นใจ และประชดธาดา (ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) ผู้เป็นสามี

แน่นอนว่าผู้หญิงวัย 35 ปี อย่าง "อรุณา" ย่อมมีความกังวลเรื่องผิวหน้าและความหย่อนคล้อย คงไม่มีใครอยากส่องกระจกตัวเองแล้วเห็นริ้วรอยหรอกจริงไหม?

Sanook! Money ได้มีโอกาสพูดคุยกับ นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมความงาม AIC Clinic เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญความงามและการชะลอวัย ถึงข้อกังวลและการรักษาความงามของผู้หญิงวัย 35 ปี ในฉบับเมีย2018 จะต้องลงทุนเท่าไหร่?  

pmmodel194382rtนพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมความงาม AIC Clinic

ปัญหาผิวหน้าและการรักษาแต่ละวัยต่างกัน ราคาย่อมต่างกัน

นพ.พุฒิพงศ์ ระบุถึงภาพรวมตลาดความงามเป็นที่สนใจของผู้หญิงทุกวัย ซึ่งยังคงกระจุกตัวในกรุงเทพฯเป็นหลัก อีกทั้งการรักษาสภาพปัญหาของแต่ละช่วงอายุมีความแตกต่างกัน โดยแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม ดังนี้

1.วัย 20 ปีขึ้นไป กังวลเรื่องสิว รอยแผลเป็น กระ ฝ้า หรือต้องการหน้าใส ในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ใช้เงินเยอะ โดยค่ารักษาเฉลี่ยอยู่ที่ 800 - 1,000 บาทต่อครั้ง และเข้ารักษาเดือนละ 2 ครั้ง

2.วัย 28 – 35 ปี ปัญหาที่พบคือ ริ้วรอย รอยดำ กระ ฝ้า มากขึ้น ขณะที่ปัญหาสิวลดลง การรักษาส่วนใหญ่จะใช้เครื่องมือกลุ่มเลเซอร์ หรือการทำทรีทเม้นท์มากขึ้น ขณะเดียวกันมีการรักษาด้วยการฉีดเข้ามาเล็กน้อย เช่น ฉีดโบท็อกซ์ เพื่อแก้ริ้วรอยในเบื้องต้น ค่ารักษาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,000 – 10,000 บาทต่อครั้ง และเข้ารักษาเดือนละ 1-2 ครั้ง

3.วัย 35 – 45 ปี เป็นช่วงที่เห็นสัญญาณของการเข้าสู่วัยชรา ปัญหาที่พบคือความหย่อนคล้อย และริ้วรอย ต้องรักษาด้วยเครื่องมือกลุ่มเลเซอร์ที่มีความเฉพาะ และอาจมีการฉีดฟิลเลอร์เข้ามามากขึ้น ค่ารักษาเฉลี่ยอยู่ที่ 50,000 – 100,000 บาทต่อครั้ง โดยเข้ารักษา 2-4 เดือนต่อครั้ง

4.มากกว่า 45 ปีขึ้นไป ปัญหาที่พบไม่แตกต่างจากกลุ่ม 35 – 45 ปี เพียงแต่การรักษาแก้ไขเรื่องความชรา โดยใช้เครื่องมือที่เน้นการยกกระชับ และจำนวนยาที่ใช้ฉีดรักษาจะมากขึ้น แต่บทบาทการฉีดโบท็อกซ์จดลดลง ที่สำคัญการรักษาโดยเฉพาะการร้อยไหม หรือผ่าตัดดึงหน้า จะเข้ามาแก้ไขปัญหากลุ่มคนเหล่านี้ได้ ค่ารักษาจะอยู่ที่ 100,000 – 300,000 บาทต่อครั้ง และรักษาเพียง 2 ครั้งเท่านั้นถือเป็นอันสิ้นสุด

เห็นได้ว่าความสวยของผู้หญิงวัย 35 ปี อย่าง "อรุณา" ใน "เมีย2018" อาจต้องใช้เงินมากถึง 50,000 – 100,000 บาทต่อครั้งในการรักษา เพื่อชะลอริ้วรอยที่เป็นสัญญาณของความชราให้ได้มากที่สุด 

นพ.พุฒิพงศ์ ยังระบุว่ากลุ่มผู้หญิงที่มีกำลังซื้อบริการเสริมความงามมากที่สุด คือ กลุ่มที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป เพราะมีความมั่นคงทั้งฐานะและธุรกิจ รองลงมาจะเป็นผู้หญิงช่วงอายุ 35-45 ปี ซึ่งอยู่ในช่วงทำงานในระดับหัวหน้า ส่วนช่วงอายุอื่นๆที่ไม่มีกำลังซื้อจะหันไปใช้บริการคลินิกเสริมความงามตลาดล่าง แน่นอนว่าการรักษาจะไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร

ไม่แปลกใจเลยว่า ถ้าผู้หญิงอยากสวยก็ต้องรวยก่อน 

ธุรกิจความงามไทยส่อเฟ้อ ผู้ที่รอดคือคลินิกที่หมอเป็นเจ้าของ

ที่ผ่านมาเราจะสังเกตว่าคลินิกเสริมความงามมีให้เลือกหลายแบรนด์ บางแบรนด์แข่งขันในเรื่องราคาอย่างดุเดือด แต่คุณภาพในการรักษาผู้บริโภคกลับไม่ได้ดีอย่างที่คาดไว้

“ของฟรี และดีไม่มีในโลก” นพ.พุฒิพงศ์ กล่าว

อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แบรนด์เสริมความงามบางเจ้าต้องปิดตัวลงอย่างเงียบๆ

นพ.พุฒิพงศ์ มองว่า ธุรกิจความงามของไทยต่อจากนี้เป็นต้นไปจะชะลอตัว เนื่องจากความต้องการกับตลาดไม่สมดุลกัน โดย 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการเปิดคลินิกเสริมความงามรายวัน ขณะเดียวกันก็มีคลินิกทยอยปิดตัวไปด้วยเช่นกัน ส่วนแบรนด์เสริมความงามที่จะอยู่รอดได้นั้นคาดว่าเป็นคลินิกที่มีหมอเป็นเจ้าของ เพราะเข้าใจความต้องการของคนไข้ ซึ่งมุมมองจะแตกต่างจากนักลงทุนอย่างชัดเจน

“ผู้บริโภคจะเป็นผู้เลือกเองว่า ใครจะอยู่ใครจะไป” นพ.พุฒิพงศ์ กล่าว

นอกจากนี้ นพ.พุฒิพงศ์ ระบุว่า ธุรกิจความงามในอนาคตจะอิ่มตัวและสมดุลอีก 5 ปีข้างหน้า โดยธุรกิจจะกลับมาแข่งขันด้วยคุณภาพมากกว่าราคา ที่สำคัญธุรกิจความงามจะไม่เติบโตแบบก้าวกระโดดเหมือนที่ผ่านมา ดังนั้น เจ้าของแบรนด์จะต้องปรับตัวทั้งด้านคุณภาพและบริการเพื่อครองใจผู้บริโภคให้มากที่สุด

หลังจากนี้สาวๆ หลายคนจะต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าในการเข้ารับบริการคลินิกเสริมความงาม เพราะไม่ใช่แค่ราคาอย่างเดียวที่จะเป็นตัวตัดสิน แต่เป็นเรื่องคุณภาพของคลินิกแบรนด์นั้นด้วย ถ้าคุณอยากสวยแบบ "อรุณา" แล้วล่ะก็ควรพก "สติ และ "ความฉลาด" ด้วยเช่นกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook