โอ้โห “สาจ๋า” รายได้ต่อเดือนไม่ธรรมดานะจ๊ะ
สาจ๋า แม่บ้านของสาวแพร วทานิกา ดีไซเนอร์แบรนด์ดัง มีเงินเดือนไม่ธรรมดาเลยนะ หลังเธอปรากฏตัวในงานโชว์คอลเล็กชั่น Fall-Winter 2018 ในงาน ELLE FASHION WEEK
ใครที่เป็นแฟนคลับและติดตามรายการ THIS IS ME VATANIKA ในตอนที่ 6 คงจำได้ว่า แบรนด์ VATANIKA โชว์คอลเล็กชั่น Fall-Winter 2018 ในงาน ELLE FASHION WEEK ซึ่งจัดขึ้นเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา และที่เรียกเสียงฮือฮาได้มากในโลกโซเชียลมีเดียดูเหมือนจะเป็นแม่บ้านของสาวแพร สาจ๋า ที่ปรากฏตัวตรง Front Row ในงาน ELLE Fashion Week 2018 พร้อมกับนาฬิกา กระเป๋า และรองเท้าที่เป็นของแบรนด์เนม รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาทนะ!
>> เปิดรายได้สุดสตรอง! “วทานิกา” แฟชั่นแบรนด์ไทยที่แซ่บที่สุดในสามโลก
ล่าสุดสาวแพรว วทานิกา ควงแขน สาจ๋า ระเบิดความแซ่บแบบแพ็คคู่ด้วยชุดว่ายน้ำสุดแซ่บรับซัมเมอร์ของปี 2019 ด้วย
>> การกลับมาอีกครั้งของ "สาจ๋า" แม่บ้านที่เผ็ดที่สุดแห่งยุคของ "แพร วทานิกา"
อยากรู้ใช่มั้ยว่าสาจ๋าได้เงินเดือนๆ ละเท่าไหร่? Sanook! Money มีโอกาสพูดคุยกับ คุณศตพล กมลโชติ ซึ่งเป็น Cheif Marketing Officer จากบริษัทจัดหาแม่บ้าน และพี่เลี้ยงเด็กสัญชาติญี่ปุ่น อย่าง Ayasan service ว่าบริษัทฯ มีหน้าที่จัดหาแม่บ้านให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีแม่บ้านมากกว่า 12,000 คน แบ่งเป็นชาวเมียนมา 70%, ไทย 20%, ลาว 5% และฟิลิปปินส์ 5%
สำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการของบริษัทฯ จะแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
กลุ่มแรก เป็นกลุ่มที่ต้องการจ้างแม่บ้านส่วนตัว โดยจะติดต่อหา Agency โดยตรง ซึ่งกลุ่มดังกล่าวจะอยู่ในวัย 30 ปีขึ้นไป เป็นเจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารที่มีทุนทรัพย์พอที่จะจ้างแม่บ้านหรือพี่เลี้ยงเด็ก โดยลักษณะแม่บ้านที่เข้ากับกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะมี 2 แบบ ดังนี้
- Live in หมายถึง ทำงาน-อาศัย-กิน-นอน อยู่กับนายจ้างหรือเจ้าของบ้าน และได้หยุดตามกฎหมายแรงงาน รายได้ต่อเดือนจะเฉลี่ยอยู่ที่ 12,000-18,000 บาท
- Live out หมายถึง ทำงานแบบไปเช้า-เย็นกลับ รายได้ต่อเดือนเฉลี่ยจะอยู่ที่ 15,000-22,000 บาท (บวกค่าเดินทางไป-กลับและอาหาร)
กลุ่มที่สอง เป็นกลุ่ม Company Contact ได้แก่ โรงแรม, รีสอร์ต รวมถึงสถานทูต รายได้ต่อเดือนจะเฉลี่ยอยู่ที่ 14,000 บาท ส่วนหัวหน้าแม่บ้านจะเฉลี่ยอยู่ที่ 20,000 บาทต่อเดือน ซึ่งแม่บ้านสถานทูตส่วนใหญ่จะเป็นคนไทย 50% และอีก 50% เป็นชาวเมียนมา
กลุ่มที่สาม กลุ่ม On-Demand แบบ One day Service หรือแบบ รายชั่วโมง ให้บริการลูกค้าที่อยู่คอนโด รวมถึงตามงานอีเวนท์ต่างๆ โดยมีค่าบริการชั่วโมงละ 150 บาท (4ชั่วโมงขึ้นไป) หากเต็มวันจะคิดวันละ 1,000 บาท เริ่มตั้งแต่ 9.00-17.00 น. หากเกินเวลาที่กำหนดจะคิดค่าล่วงเวลา หรือ OT ชั่วโมงละ 100 บาท
โดยฐานเงินเดือนที่บริษัทฯ จ่ายให้แม่บ้านส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 12,000 – 23,000 บาท แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับค่าความสามารถ เช่น ภาษา, การทำอาหาร และเลี้ยงเด็ก รวมถึงประสบการณ์ในการทำงานด้วย
ทั้งนี้ การจะเป็นแม่บ้านของบริษัท Agency ได้นั้น จะต้องผ่านการคัดกรองหลายขั้นตอน เช่น การสอบสัมภาษณ์เพื่อดูมารยาทและประสบการณ์ของแม่บ้านแต่ละคน, การตรวจสอบเอกสารหรือใบผ่านงาน หากเป็นชาวต่างชาติจะต้องมี VISA และ Work Permit ด้วย
แน่นอนว่าแม่บ้านแต่ละคนย่อมทำงานบ้านได้อยู่แล้ว แต่บริษัทฯ ก็มีการสอนงานเพิ่มเติมผ่านทาง VDO เพื่อเพิ่มความรู้ลักษณะงานในอนาคตเข้าไปด้วย แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับลูกค้าแต่ละรายว่ามีความต้องการแบบใดบ้าง เช่น น้ำยาชนิด A ไม่สามารถใช้เช็ดโต๊ะหินอ่อนได้ ให้ใช้น้ำยา B เช็ดแทน เป็นต้น ที่สำคัญแม่บ้านจะอยู่กับนายจ้างหรือเจ้าของบ้านคนไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ฝ่ายด้วย
คุณศตพล ประเมินว่า ธุรกิจจัดหาแม่บ้านเติบโตต่อเนื่องแม้จะไม่หวือหวาก็ตาม ปัจจัยมาจากไลฟ์สไตล์การทำงานของคนในปัจจุบันที่ขยันและทุ่มเทกับการทำงานมาก จนมีเวลาดูแลงานบ้านน้อยลงนั่นเอง ส่วนรายได้ต่อปีของบริษัทฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 10 ล้านบาท และคาดว่าปี 2561 จะทำได้มากกว่า 10 ล้านบาท และจะรักษา Contract ในแต่ละเดือนอยู่ที่ 70 Contact ให้ได้ สำหรับมูลค่าตลาดรวมของธุรกิจจัดหาแม่บ้านคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท
“บางทีเงินเดือนแม่บ้านก็มากกว่าเด็กจบใหม่จากมหาวิทยาลัยอีก แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความขยันในการทำงานด้วย ถ้าขยันเยอะก็ได้เงินเดือนเยอะ” คุณศตพล กล่าว
ในกรณีของสาจ๋า เดิมทีเธอเป็นแม่บ้านทำงานในสถานทูตมาก่อน หากเทียบกับรายได้ของบริษัท Ayasan Service แล้ว น่าจะอยู่ที่ราว 14,000 – 15,000 บาท แต่เมื่อเธอย้ายมาทำงานกับสาวไฮโซอย่าง แพร วทานิกา แล้ว จะพบว่า แม่บ้านสาจ๋าจัดอยู่ในกลุ่ม Live out ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 15,000-22,000 บาทต่อเดือน หรืออาจจะมากกว่านั้น
นี่เป็นการสันนิษฐานรายได้ของสาจ๋าในเบื้องต้นเท่านั้นนะ!
แต่อย่างไรก็ตาม ของแบรนด์เนมที่เราเห็นสาจ๋าใช้อยู่นั้น เป็นไปได้ทั้ง 2 อย่างว่า แพร วทานิกา อาจซื้อให้เพราะว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นไปในทิศทางที่ดีและต้องชะตากัน หรือเธออาจจะซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอเอง
ซึ่ง 90% ของแม่บ้านที่ใช้ของแบรนด์เนมส่วนใหญ่นายจ้างต่างชาติจะเป็นคนซื้อให้มากกว่า บอกได้คำเดียวว่า คงไม่มีแม่บ้านคนไหนโชคดีไปกว่าสาจ๋าแล้วล่ะ
เห็นสาจ๋าชีวิตดีแบบนี้แล้ว อยากไปเป็นแม่บ้านบ้างจัง ว่าแต่...คุณแพรคะ สนใจรับแม่บ้านเพิ่มหรือเปล่าคะ?