"เลือดข้นคนจาง" ละครย้อนรอยตำนานชิงมรดกตระกูลดัง

นาทีนี้คงไม่มีใครเนื้อหอมไปกว่า ช่อง One31 ที่ส่งละครดราม่าเชิงสืบสวนสอบสวนในศึกมรดกอาถรรพ์เรื่อง “เลือดข้นคนจาง” หวังทวงบัลลังก์ ของการเป็นสุดยอดช่องละครตามรูปแบบ “ละครดี ดูที่ช่องวัน (One)”

>> ฟีดแบคคนดู "เลือดข้นคนจาง" ตอนแรก

>> ทำความรู้จักสมาชิกตระกูล "จิระอนันต์" ใน "เลือดข้นคนจาง"

>> เมื่อความรักในวงศ์ตระกูล ถูกท้าทายด้วยการฆาตกรรม ตัวอย่าง "เลือดข้นคนจาง"

แต่หลังจากที่ละครเลือดข้นคนจางได้ออนแอร์ 2 ตอนแรก คือ วันศุกร์และเสาร์ที่ 14 – 15 กันยายนที่ผ่านมา เรตติ้ง 2 ตอนแรกเฉลี่ยอยู่ที่ 0.7 แม้จะยังไม่สูงมากนัก แต่ก็มีกระแสในโลกโซเชียลพอสมควร โดยเฉพาะผู้เขียนบทละครได้ทิ้งปมปริศนาให้แฟนๆ ได้ติดตามเพื่อหาเบาะแสว่าใครฆ่าประเสริฐกันแน่

แน่นอนว่าหลังจากได้ดูเนื้อหาของละคร ทำให้หลายคนนึกถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในตระกูลหลากหลายตระกูลในบ้านเราก่อนหน้านี้ ยกตัวอย่างเช่นความขัดแย้งจนกลายเป็นปมแย่งมรดกในตำนานอย่าง “ตระกูลธรรมวัฒนะ” ที่คนในตระกูลขัดแย้งกันเรื่องมรดกหมื่นล้านจนนำไปสู่การฟ้องร้องเป็นคดีมากมาย รวมทั้งการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของ นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ ผู้เป็นพี่ชายคนโต

เชื่อว่าหลายคนคงจะจำกันได้ว่า “ตระกูลธรรมวัฒนะ” ทำธุรกิจตลาดยิ่งเจริญซึ่งก่อร่างสร้างตัวจากนางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ ผู้เป็นมารดาที่ล่วงลับไปแล้วซึ่งมีมูลค่านับหมื่นล้าน Sanook! Money จึงได้รวบรวมกลุ่มบริษัทบริหารการให้เช่าพื้นที่ตลาดยิ่งเจริญมาฝากกันว่ารายได้-กำไรแต่ละปีเป็นอย่างไรบ้าง

บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2533 โดยมี น.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ, น.ส.ณฤมล ธรรมวัฒนะ, นางกัญจนิดา ตันติสุนทร, น.ส.ฐานิสรา มังกรพานิชย์ และนายอริย ธรรมวัฒนะ เป็นคณะกรรมการ ดำเนินธุรกิจตลาด จัดสถานที่ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 516 ล้านบาท มีผลประกอบการย้อนหลัง ดังนี้

ปี 2556 รายได้ 14.5 ล้านบาท กำไร 4 ล้านบาท

ปี 2557 รายได้ 657 ล้านบาท กำไร 645 ล้านบาท

ปี 2559 รายได้ 89.7 ล้านบาท กำไร 18 ล้านบาท

บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ (1990) จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2533 มีคณะกรรมการชุดเดียวกับบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 2.1 ล้านบาท มีผลประกอบการย้อนหลัง ดังนี้

ปี 2556 รายได้ 2.29 ล้านบาท ขาดทุน 1.18 ล้านบาท

ปี 2557 รายได้ 2.25 ล้านบาท กำไร 1.7 ล้านบาท

ปี 2558 รายได้ 2.16 ล้านบาท กำไร 1.5 ล้านบาท

ปี 2559 รายได้ 2.15 ล้านบาท กำไร 2 ล้านบาท

บริษัท สุวพีร์ โฮลดิ้ง จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2543 คณะกรรมการชุดเดียวกับบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 11 ล้านบาท มีผลประกอบการย้อนหลัง ดังนี้

ปี 2556 รายได้ 207 ล้านบาท กำไร 71 ล้านบาท

ปี 2557 รายได้ 365 ล้านบาท กำไร 215 ล้านบาท

ปี 2558 รายได้ 276 ล้านบาท กำไร 59 ล้านบาท

ปี 2559 รายได้ 257 ล้านบาท กำไร 45 ล้านบาท

บริษัท สุวพีร์ โฮลดิ้ง 2 จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2543 คณะกรรมการชุดเดียวกับบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท มีผลประกอบการย้อนหลัง ดังนี้

ปี 2556 รายได้ 124 ล้านบาท กำไร 14.5 ล้านบาท

ปี 2557 รายได้ 135 ล้านบาท กำไร 11.2 ล้านบาท

ปี 2558 รายได้ 216 ล้านบาท กำไร 8.2 ล้านบาท

ปี 2559 รายได้ 226 ล้านบาท กำไร 20 ล้านบาท

บริษัท ยิ่งเจริญน้ำใส จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2550 คณะกรรมการชุดเดียวกับบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด ดำเนินธุรกิจรับเหมาติดตั้ง วางระบบบำบัดน้ำเสีย ทำท่อบำบัดน้ำเสีย ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท มีผลประกอบการย้อนหลัง ดังนี้

ปี 2556 รายได้ 2.8 ล้านบาท ขาดทุน 1.6 ล้านบาท

ปี 2557 รายได้ 7.3 ล้านบาท กำไร 1.6 ล้านบาท

ปี 2558 รายได้ 13 ล้านบาท กำไร 4.56 ล้านบาท

ปี 2559 รายได้ 8.8 ล้านบาท ขาดทุน 6.8 แสนบาท

บริษัท การเรือนยิ่งเจริญ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2550 คณะกรรมการชุดเดียวกับบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด ดำเนินธุรกิจการศึกษา (โรงเรียนเพื่อการประกอบวิชาชีพ) ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท มีผลประกอบการย้อนหลัง ดังนี้

ปี 2556 รายได้ 4.2 ล้านบาท ขาดทุน 4.4 แสนบาท

ปี 2557 รายได้ 4.2 ล้านบาท ขาดทุน 1.3 ล้านบาท

ปี 2558 รายได้ 6.2 ล้านบาท กำไร 1.16 ล้านบาท

ปี 2559 รายได้ 3.2 ล้านบาท ขาดทุน 7.6 แสนบาท

หากรวมรายได้ของทั้ง 6 บริษัทในปี 2559 เข้าด้วยกันแล้วจะพบว่ามีมากถึง 587 ล้านบาท ซึ่งเราขอย้ำว่าทั้งหมดนี้เป็นกลุ่มบริษัทบริหารการให้เช่าพื้นที่ตลาดยิ่งเจริญเท่านั้นนะ

แม้คดีศึกชิงมรดกตระกูลธรรมวัฒนะจะปิดฉากลงแล้ว หลังจากยืดเยื้อมานานถึง 14 ปี แต่ในกรณีนี้เราได้บทเรียนสำคัญอย่างหนึ่งว่า ความขัดแย้งเกิดขึ้นได้เสมอแม้จะเป็นคนในสายเลือดเดียวกันก็ตาม ซึ่งเสียทั้งเงิน เวลา และเสียแรงเปล่าๆ มาร่วมกันหาทางออกตรงกลางที่ดีกันจะดีกว่านะ