"ปลัดอำเภอ" จะจ่ายค่าปรับกรณี “ล่าหมีขอ” ไหวไหม? ถ้าจะเยอะขนาดนี้!

หากนายวัชรชัย สมีรักษ์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันอำเภอด่านมะขามเตี้ย รับผิดจริงฐานล่าหมีขอตาม พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และ พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 อาจต้องจ่ายค่าปรับมากกว่าเงินเดือนถึง 2 เท่า

กลายเป็นข่าวดังข้ามเวลาเลยก็ว่าได้ หลังเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติไทรโยค เข้าล็อกตัวปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันอำเภอด่านมะขามเตี้ย พร้อมพวกรวม 12 คน พบของกลางปืนไรเฟิลติดกล้อง รถออฟโรด 6 คัน และซากหมีขอที่ตัดแยกเป็น 4 ขา โดยทั้ง 12 คนยังคงให้การปฏิเสธนั้น

>> แก๊งออฟโรดอ้างซื้อ "อุ้งเท้าหมีขอ" จากชาวบ้าน อุทยานฯ ไทรโยคแจ้ง 6 ข้อหา

เชื่อว่าโลกโซเชี่ยลมีเดียคงได้ตราหน้า นายวัชรชัย สมีรักษ์ ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันอำเภอด่านมะขามเตี้ย เป็นเปรมชัย 2 ไปเสียแล้ว เพราะ “หมีขอ” จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 เช่นเดียวกับเสือดำนั่นเอง

>> รู้จัก "หมีขอ" สัตว์ในกลุ่มกระรอก เป็นสัตว์คุ้มครองตามกฎหมายปี 2535

แต่สิ่งที่หลายคนยังคงคาใจและตั้งข้อสงสัยว่า คดีหมีขอจะส่อเค้าเหมือนเสือดำหรือเปล่า เพราะอำนาจเงินอาจปิดเสียงสัตว์ที่ร้องโหยหวนอย่างทรมานได้ ว่าแต่อยากรู้หรือเปล่า?...เงินเดือนข้าราชการอย่างปลัดอำเภอจะสามารถรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้เพียงพอหรือไม่ Sanook! Money ได้รวบรวมข้อมูลดีๆมาฝากกัน

ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ ก.พ. ได้ระบุว่า ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครอง) เป็นตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ประเภทวิชาการ โดยแบ่งระดับออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับปฏิบัติการ (เดิมระดับซี 3-5), ระดับชำนาญการ (เดิมระดับซี 6-7) จนถึงระดับชำนาญการพิเศษ (เดิมระดับซี 8) ซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายอำเภอ

ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่า นายวัชรชัย สมีรักษ์ เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญระดับชำนาญการพิเศษได้ไม่นาน โดยบัญชีเงินเดือนระดับชำนาญการพิเศษ ขั้นต่ำชั่วคราวอยู่ที่ 19,860 บาท ขั้นสูงอยู่ที่ 58,390 บาท

โดยพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ได้ดำเนินคดีตามกฎหมายโดยแจ้งข้อหาบุคคลทั้ง 12 คนไว้ 9 ข้อหา ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วจะพบว่ามี 5 ข้อหาที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โดยเฉพาะหมีขอ ซึ่งบทลงโทษก็มีข้อแตกต่างกันออกไปโดยเราได้รวบรวมมาได้ ดังนี้

1.ฐานร่วมกันนำสัตว์ออกไป หรือทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ ตามมาตรา 16 (3) ประกอบมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.ฐานร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใด ๆ เข้าไป เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ และปฏิบัติตามเงื่อนไขซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้อนุญาตนั้นกำหนดไว้ ตามมาตรา 16 (15) ประกอบมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

3.ฐานร่วมกันล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่เป็นการกระทำโดยทางราชการที่ได้รับยกเว้น ตามมาตรา 26 ตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ประกอบมาตรา 47 ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4.ฐานร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากของสัตว์ป่าสงวน หรือซากของสัตว์ปาคุ้มครอง เว้นแต่จะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่กำหนดตาม มาตรา 17 ที่ได้มาจากการเพาะพันธุ์ หรือซากของสัตว์ป่าดังกล่าว และต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดี และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต ตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 47 ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

5.ฐานร่วมกันซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่า อันได้มาโดยการกระทำความผิด ตามมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ซึ่งบทลงโทษทั้งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 รวมทั้งหมด 5 ข้อหา จะพบว่ามีค่าปรับอยู่ที่ประมาณ 110,500 บาท

ดังนั้น หากเปรียบเทียบค่าปรับกับเงินเดือนปลัดอำเภอในระดับชำนาญการพิเศษ ที่อยู่ระหว่าง 19,860 - 58,390 บาท จะพบว่า นายวัชรชัย สมีรักษ์ อาจจะต้องจ่ายค่าปรับเป็น 2-5 เท่าของเงินเดือนเลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ซึ่งเราก็ได้แต่คาดหวังว่าคดีนี้สัตว์ป่าเหล่านี้อย่าได้ตายฟรีเหมือนเสือดำอีกนะ...