เปรียบเทียบกันชัดๆ “ไปรษณีย์ไทย-Kerry-สปีดดี” ส่งแบบไหนคุ้มสุด
ธุรกิจโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการจัดส่งพัสดุได้กลายเป็นกระแสที่มีการเติบโตอย่างน่าสนใจจนมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดจากผู้เล่นหน้าเก่าเพิ่มขึ้น
สำหรับปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้ “โลจิสติกส์” เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ คงหนีไม่พ้นการเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตของคนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศไทยมากขึ้น เช่นเดียวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงอีคอมเมิร์ซ เหล่านี้จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้มีการเติบโต
หากเรามองผู้เล่นในตลาดแล้วจะพบว่าผู้เล่นที่สำคัญ และเป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ ไปรษณีย์ไทย, Kerry และผู้เล่นหน้าใหม่ที่น่าจับตามองอย่าง สปีดดี ที่ 7-Eleven ร่วมกับ บริษัท ไดนามิค ลอจิสติกส์ จำกัด โดยในบทความนี้ Sanook! Money จะขอนำเสนอราคาค่าจัดส่งของแต่ละแบรนด์ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้ผู้บริโภคใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกส่งสินค้า
ไปรษณีย์ไทย
ผู้ให้บริการเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งก่อตั้งในปี พ.ศ. 2426 (อายุ 135 ปี) ด้วยความที่อยู่มานานจึงเป็นชื่อแรกที่ผู้ส่งสินค้านึกถึงเสมอ สำหรับอัตราค่าบริการจะคำนวณจากสินค้า และระยะทาง
Kerry
ตัวเลือกอันดับ 2 เป็นรองแค่ไปรษณีย์ไทย ที่พร้อมท้าชิงก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 โดยที่ผ่านมาได้ประกาศทุ่มงบประมาณกว่า 1,800 ล้านบาท ยกระดับตัวเอง พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยการคิดราคาส่งของ Kerry จะคิดตามขนาดพัสดุ น้ำหนัก และระยะปลายทางการจัดส่ง
สปีดดี
ผู้เล่นหน้าใหม่ที่มีร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven ให้การสนับสนุน เพียงแค่ลูกค้าเดินทางไปยัง 3,000 สาขา ใน 4 จังหวัดที่เปิดให้บริการ ได้แก่ กรุงเทพ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ โดยอัตราค่าบริการส่งพัสดุจะคิดตามขนาดพัสดุ น้ำหนัก และปลายทางการจัดส่ง