ผลงานตลอด 52 ปีที่ ธ.ก.ส.อยู่เคียงข้างเกษตรกรไทยกับก้าวต่อไปในอนาคต
ถ้าไปถามพี่น้องเกษตรกรไทยว่าใครคือเพื่อนแท้ที่สุดสำหรับพวกเขา รับรองว่าคำตอบมีเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ธ.ก.ส. หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ที่แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ธ.ก.ส. เกิดมาเพื่อใคร ซึ่งตลอด 52 ปีที่ ธ.ก.ส. อยู่เคียงข้างเกษตรกรไทยมาโดยตลอดนั้น เต็มไปด้วยเรื่องราวดีๆ และก้าวต่อไปที่น่าติดตาม
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2509 จุดประสงค์หลักก็เพื่อมุ่งให้ความช่วยเหลือทางการเงิน โดยเน้นอำนวยสินเชื่อทางการเกษตรแก่พี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ รวมถึงส่งเสริมอาชีพการเกษตรและการดำเนินงานของเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์การเกษตร เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัวของเกษตรกร
บทบาทแรกของ ธ.ก.ส. ในช่วงแรก คือ มุ่งแก้ปัญหาเงินกู้นอกระบบ ด้วยการให้สินเชื่อเพื่อการผลิตระยะสั้น และระยะปานกลางแก่เกษตรกรให้ทั่วถึงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะค่อยๆ พัฒนาการให้สินเชื่อและบริการแบบครบวงจรมากขึ้น ทั้งยังมีการจัดตลาดกลางพืชผลการเกษตรและรับจำนำข้าวเปลือกในทศวรรษที่ 2 ของการดำเนินการ
ต่อมา ธ.ก.ส. จึงได้เข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรชั้นเล็กและยากจน ที่ปกติไม่สามารถขอใช้บริการสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ โดยกำหนดหลักเกณฑ์เป็นการเฉพาะเพื่อให้เกษตรกรทุกระดับชั้นสามารถเข้าถึงบริการสินเชื่ออย่างเท่าเทียมกัน
บทบาทของ ธ.ก.ส. จึงเป็นธนาคารพัฒนาชนบทอย่างยั่งยืน ที่มีสถานะเป็นมากกว่าธนาคารทั่วไป เพราะเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทในการสนับสนุนช่วยเหลือภาคเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง สมคำขวัญที่ว่า “ธ.ก.ส. เคียงคู่ รู้ค่า ประชาชน” ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ยังได้ส่งเสริมให้เกษตรกรไทยก้าวสู่การเป็น Smart Farmer โดยนำหลักพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางปฎิบัติ ในขณะเดียวกัน ธ.ก.ส. ยังยกระดับพนักงานให้ก้าวสู่การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ธุรกิจเกษตร พัฒนาสถาบันการเงินชุมชน และส่งเสริมการออม เพื่อความมั่นคงในชีวิตของพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศไทย
โดยเฉพาะในปีนี้ที่มีการขยายการบริการผ่านช่องทางดิจิทัลมากมาย เช่น A - Mobile Application, QR Code Payment และบัตรเดบิต เพื่อตอบรับการเป็นธนาคารและเกษตรกรยุคใหม่ โดย ธ.ก.ส. ได้จัดกิจกรรมสัปดาห์วันออมแห่งชาติขึ้น ระหว่างวันที่ 31 ต.ค. – 7 พ.ย. 2561 ณ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีนิสัยรักการออม ตระหนักถึงความสำคัญ และประโยชน์ของการออมเงิน เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันและสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต
ภายในงานได้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากหลากหลายรูปแบบ เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนได้ออมเงินตรงกับความต้องการ เช่น โครงการเงินฝากดี๊ดี ที่ให้ดอกเบี้ยสูงแบบขั้นบันไดและรับดอกเบี้ยทุกเดือน มีทั้งแบบฝาก 16 เดือน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.70% ต่อปี และฝาก 21 เดือน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.85% ต่อปี
นอกจากนี้ ยังมีเงินฝากออมทรัพย์ทวีโชค ที่ให้ดอกเบี้ยและให้โชคทุก 6 เดือน ลุ้นรับรางวัลระดับจังหวัดปีละ 2 ครั้ง และรางวัลระดับประเทศอีก 1 ครั้ง และกองทุนทวีสุข ซึ่งเป็นเงินฝากแบบมีสวัสดิการ นอกจากนี้ ยังมีการจุดประกายไอเดียในการออม โดยเมื่อเปิดบัญชีเงินฝากใหม่ หรือฝากเงินเพิ่มในบัญชีออมทรัพย์ รับทันทีกระปุกออมทรัพย์ “น้องหอมจัง ตังค์เยอะ” เอาไว้หยอดเงินใส่กระปุกกันเพลินๆ
ธ.ก.ส. ยังคงมุ่งมั่นและพัฒนาการให้บริการต่อไป เพื่อเดินเคียงคู่เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.baac.or.th
(Advertorial)