แบงก์ยกระดับ "เคาน์เตอร์" ทันใจ ไร้สลิป-กดคิวทำรายการอัตโนมัติ
วันนี้โลกการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์กลับมาสู่สาขาอีกครั้ง โดยเฉพาะการลงทุนนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อลดขั้นตอนการทำธุรกรรมการเงิน
ให้สั้นลง ใช้เวลาน้อยที่สุดแต่สะดวกรวดเร็ว ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความประทับใจให้ลูกค้า เสมือนเป็น First Impression
ที่ดึงดูดให้ลูกค้าตัดสินใจเข้ามาใช้บริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคารอย่างต่อเนื่อง
หากย้อนดูในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา บางธนาคารเริ่มมีการปรับปรุงช่องทางการให้บริการผ่านสาขาให้มีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น
พร้อมโหมโฆษณาทางโทรทัศน์ควบคู่ไปด้วยอย่าง ธนาคารกรุงไทย ที่เป็นเจ้าแรกนำเครื่อง e-Convenience มาให้บริการบัตรคิว พร้อมทำรายการอัตโนมัติ
โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเขียนใบฝากหรือใบถอน แต่ e-Convenience มีการติดตั้งเฉพาะสาขาที่ลูกค้าเข้ามาทำธุรกรรมจำนวนมาก หรือสาขาหลักในแต่ละพื้นที่หรือบางสาขาเท่านั้น
ด้านธนาคารทหารไทย ก็เป็นรายแรกในตลาดที่ให้บริการลูกค้าผ่านสาขาของธนาคาร โดยไม่ต้องกรอกแบบฟอร์ม "ฝาก-ถอน" ซึ่งทำมานานเกือบ 2 ปีแล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็น
อย่างดี โดย นายประดิษฐ์ เลี่ยวศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจสาขา ธนาคารทหารไทย บอกว่า สิ่งที่ได้กลับมาคือความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการ นำมาซึ่งภาพลักษณ์ที่ดีของ
สาขาที่มีลูกค้ารอคิวไม่หนาแน่น และมีปริมาณการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้น 17-18% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของต้นทุนการบริการสาขาไม่ได้ลดลง เพราะธนาคารยังคงใช้กระดาษและมีปริมาณการพิมพ์ในระดับที่เท่าเดิม รวมทั้งต้องมีจำนวนพนักงานในสาขาเพิ่มขึ้นด้วย
"พอไม่ต้องเขียนใบสลิป ลูกค้าหันมาใช้บริการหน้าเคาน์เตอร์มากขึ้น เพราะสามารถทำธุรกรรมได้ครั้งละหลาย ๆ รายการ
ส่วนพนักงานของเราต้องได้รับการฝึกฝนด้านความรอบคอบในการทำรายการ เพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด แนวทางนี้เป็นการตอบโจทย์นโยบายของธนาคารในการเป็น Transactional Banking"
ล่าสุดเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ธนาคารไทยพาณิชย์ก็ใช้กลยุทธ์ไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มเช่นเดียวกัน
ทำให้ปริมาณลูกค้าที่ต่อคิวหน้าเคาน์เตอร์ลดลงบ้าง และเป็นธนาคารเดียวที่ไม่ได้นำระบบบัตรคิวมาให้บริการ
ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่ธนาคารขนาดใหญ่ต้องปรับตัวด้วย เพราะมีฐานลูกค้ามากกว่าธนาคารขนาดกลางหลายเท่าตัว
อีกธนาคารที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดคือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพราะได้ทำการรีแบรนด์เป็น "กรุงศรีกรุ๊ป"พร้อมทั้งทุ่มงบประมาณกว่า 3,600 ล้านบาท ในการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี โดย
ได้นำ SimpleQ มาให้บริการใน 600 สาขาของธนาคาร ซึ่งมีจุดเด่นคือลูกค้าไม่ต้องกรอกข้อมูลบัญชีในแบบฟอร์ม เพียงรูดสมุดคู่ฝาก, บัตร ATM หรือบัตรประชาชน ระบบจะดึงข้อมูลส่งผ่านไปยังพนักงานเคาน์เตอร์โดยตรง
โดย นายพงษ์อนันต์ ธณัติไตร ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านเครือข่ายการขาย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ยืนยันว่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ธนาคารได้นำระบบ SimpleQ มาติดตั้งครบทุกสาขาเป็นที่เรียบร้อย
จะช่วยลดเวลาในการทำธุรกรรมที่หน้าเคาน์เตอร์ได้ถึง 50% และกว่า 70% ของธุรกรรมทั้งหมดเป็นประเภทฝาก ถอน โอน
"ภายใต้แนวคิด "เรื่องเงิน เรื่องง่าย" ธนาคารจึงให้ความสำคัญในการลงทุนและพัฒนาระบบเทคโนโลยีมาให้บริการกับลูกค้าที่สาขา
รวมทั้งระบบที่ใช้ในการปฏิบัติงานของพนักงานสาขา ซึ่งจะให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น และพนักงานทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะส่งผลให้ต้นทุนลดลงและรายได้เพิ่มขึ้น"
นี่คือภาพการเปลี่ยนแปลงบริการทางการเงินหน้าเคาน์เตอร์ของแบงก์หลายแห่งที่ทำให้ลูกค้ายังคงเดินเข้าสาขาอยู่ นอกเหนือจากทำธุรกรรมผ่านเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ
จะเห็นได้ว่าปัจจุบันมีถึง 4 ธนาคารที่เริ่มปรับตัวและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าในสาขาของธนาคาร
หลังจากนี้จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของธนาคารอื่น ๆ หรือไม่นั้นคงต้องจับตาดูกันต่อไป ซึ่งประโยชน์ที่เกิดขึ้นนั้น
นอกจากลูกค้ามีความประทับใจ ธนาคารยังสามารถต่อยอดนำเสนอผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้อีก ถือเป็นการ win-win ทั้ง 2 ฝ่าย
ธุรกิจหรูของสงกรานต์ - แอฟ ทักษอร
สวยมาก! รีสอ์ท 60 ล้านของ ภูริ ที่ปาย
นาวิน ต้าร์ - พลอย เฌอมาลย์ น่ารักๆ ที่ร้าน made my day
แสนแซ่บ ร้านอาหารอีสานไฮโซของ "นุ่น วรนุช"