“ไปรษณีย์ไทย” จัดหนัก! ส่ง EMS วันเดียวของถึงกับมือ
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้ายกระดับคุณภาพบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ในประเทศ ส่งสิ่งของในช่วงเช้าจากกรุงเทพฯ ปลายทางกรุงเทพฯ ถึงผู้รับในวันเดียวกัน หรือส่งบ่ายจะได้รับในวันรุ่งขึ้น และส่งสิ่งของจากกรุงเทพฯ ปลายทางต่างจังหวัด ถึงผู้รับในวันรุ่งขึ้น เพื่อเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำให้บริการไปรษณีย์ อีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ครบวงจร ตามระบบบริหารจัดการคุณภาพ ISO 9001:2015 มาตรฐานสากล รวดเร็ว ปลอดภัย ตรวจสอบได้ ถึงที่หมายตรงเวลา พร้อมตั้งเป้าให้ผู้ใช้บริการไทยนึกถึงในลำดับแรก
นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทย ตระหนักถึงความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ใช้บริการ ทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตและรูปแบบการดำเนินธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ใช้บริการต้องการส่งสิ่งของให้ถึงปลายทางด้วยความรวดเร็วมากขึ้น จึงมุ่งมั่นพัฒนาปรับปรุงคุณภาพบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ “อีเอ็มเอส” (EMS) ในประเทศ ซึ่งเป็นบริการส่งด่วนยอดนิยมของผู้ใช้บริการที่เลือกฝากส่งสิ่งของผ่านไปรษณีย์ไทย ให้เป็นไปตามระบบบริหารจัดการคุณภาพ ISO 9001:2015 ตามมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นการลดข้อผิดพลาดต่างๆ เช่น ความล่าช้า เสียหาย และสูญหาย ที่เกิดขึ้นในระบบการให้บริการอีกด้วย
พร้อมกันนี้ ไปรษณีย์ไทย ยังได้ยกระดับคุณภาพบริการทั้งการรับฝาก การส่งต่อ และการนำจ่าย เช่น การขยายเวลารับฝากบริการอีเอ็มเอส (EMS) ในประเทศ (Cut-off Time) จากเดิมต้องฝากส่งก่อนเวลา 12.00 น. ถึงผู้รับปลายทางในวันรุ่งขึ้น เป็นการฝากส่งได้จนถึงสิ้นวันทำการ ถึงผู้รับปลายทางในวันรุ่งขึ้น มีการปรับระบบขนส่งเพื่อให้การคัดแยกปลายทางมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น เพิ่มคุณภาพการนำจ่ายที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และที่ทำการไปรษณีย์ระดับจังหวัด เช่น ส่งสิ่งของในช่วงเช้าจากกรุงเทพฯ ปลายทางกรุงเทพฯ ถึงผู้รับในวันเดียวกัน หรือส่งบ่ายจะได้รับในวันรุ่งขึ้น และส่งสิ่งของจากกรุงเทพฯ ปลายทางต่างจังหวัด ถึงผู้รับในวันรุ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่ดีและรวดเร็วที่สุด ตามมาตรฐานของบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษอีเอ็มเอส (EMS)
ไปรษณีย์ไทย เชื่อมั่นว่า การยกระดับคุณภาพบริการอีเอ็มเอส (EMS) ตามมาตรฐานของระบบบริหารจัดการคุณภาพ ISO 9001:2015 ตามมาตรฐานสากล ครอบคลุมการพื้นที่การให้บริการระหว่างที่ทำการไปรษณีย์กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 48 แห่ง ที่ทำการไปรษณีย์ระดับจังหวัด 74 แห่ง และศูนย์ไปรษณีย์ 16 แห่ง รวมทั้งสิ้น 138 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือจะสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ทำให้สามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เติบโตอย่างยั่งยืน มีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ก้าวสู่การเป็นผู้นำการให้บริการไปรษณีย์และอีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) โลจิสติกส์ครบวงจร ที่คนไทยจะนึกถึงเป็นลำดับแรก ตามนโยบายและเป้าหมายการดำเนินงาน THP FIRST นางสมร กล่าวทิ้งท้าย