PIN เปลี่ยนกองขยะเป็นขุมทอง

PIN เปลี่ยนกองขยะเป็นขุมทอง

PIN เปลี่ยนกองขยะเป็นขุมทอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"เมื่อคนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เขาจะเริ่มสนใจที่มาที่ไปของสินค้า ซึ่งถ้าเรามองเป็นขยะก็มองได้ แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่วิธีการจัดการกับขยะเหล่านั้นมากกว่า

ปิ่นเชื่อว่าลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อเขามองถึงแนวคิดที่ปิ่นจัดการกับขยะนี้เป็นสำคัญ ปิ่นเชื่อว่าแม้กระแสนี้จะซาไปลูกค้ากลุ่มนี้ก็ยังคงอยู่

ลองคิดดูว่าเรามีการผลิตสินค้าต่างๆ ออกมาทุกวัน ขยะย่อมเพิ่มขึ้น เราน่าจะนำขยะนั้นมาเพิ่มมูลค่าเสียจะดีกว่า ปิ่นอยากให้ลองหันมามองสิ่งที่เรามีอยู่ เพราะมันอาจจะมีคุณค่าก็ได้หากเราจัดการมันดีๆ "

ข้อความด้านบนเป็นคำพูดของ พรพรรณ เกียรติภาคภูมิ หรือ ปิ่น เจ้าของแบรนด์ ‘พริ้งเพรียว' ที่ได้กล่าวไว้เมื่อ เกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ถึงมุมมองที่เธอมีต่อธุรกิจ Recycle (รวมไอเดียทำธุรกิจเงินล้าน)

อย่างไรก็ตาม ผ่านมาถึงวันนี้ความคิดนั้น ก็ยังไม่แปรเปลี่ยน มีเพียงแบรนด์ "พริ้งเพรียว" เท่านั้น ที่ถูกเปลี่ยนเป็น "PIN" เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำว่า "พริ้งเพรียว" เป็นชื่อที่เรียกยาก จำยาก จึงใช้ชื่อเล่นของตัวเองแทน เพราะคนจะจำเธอซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ได้

 


แม้งานชิ้นใหญ่ทำเงินได้มาก แต่ปิ่นยังมีงานเหล็กอีกส่วนหนึ่งในรูปแบบ Mood & Tone ที่เน้นใช้สีพื้นฐานไม่ฉูดฉาดอย่าง สีขาว เทา ดำ ทอง

พร้อมออกแบบลายเหล็กให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนแม้แต่นักออกแบบตกแต่งภายในยังดูไม่ออกว่าเป็นงานจากเศษเหล็ก ส่วนนี้จึงเป็นจุดที่ทำให้มีคนสนใจอีกด้วย

เกี่ยวกับการทำตลาดนั้นปิ่่นพบว่าการออกงานทำให้ได้เจอลูกค้าหลายแบบ และเห็นว่าแต่ละบุคคลมีมุมมอง ความชอบแตกต่างกัน

บางคนมองว่ามันคือเศษเหล็ก เป็นขยะ ทำเองก็ได้ ซึ่งคนไทยมีความคิดแบบนี้เยอะ แต่ชาวต่างชาติจะมองว่าเป็นงานที่มีคุณค่า น่าสนใจ

เขาจะสั่งทำเป็นเซ็ตเพราะเห็นศักยภาพในการทำงาน ซึ่งงานของปิ่นเน้นกลุ่มคนอายุ 35 - 60 ปีที่มีกำลังซื้อประมาณหนึ่ง ไปแต่งบ้าน เพราะลักษณะงานมีความจริงจังมากขึ้น

 


นอกจากการออกบูธตามงานต่างๆแล้ว ปิ่นก็ไม่พลาดที่จะทำตลาดบนเฟซบุ๊คที่กำลังฮิตเช่นกัน แต่ปิ่นมองว่าช่องทางการตลาดแบบนี้เป็นเหมือนส่วนที่ช่วยทำให้ตนเองมีเครือข่ายที่กว้างขวางขึ้นมากกว่า

เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ชอบสัมผัสของจริง และบางคนก็ไม่ชอบซื้อของออนไลน์

"แม้การออกสื่อจะมีส่วนช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องพยายามสื่อสารด้วยว่าแบรนด์ของเราเป็นอย่างไร ต้องพูด ต้องบอก

ซึ่งงานของปิ่นนั้นเป็นการมองเห็นความสวยงามอันถูกมองข้าม แล้วหยิบมารังสรรค์เป็นสิ่งใหม่อันมีคุณค่า ทั้งยังช่วยลดมลพิษในการหลอมเหล็กอีกด้วย"

 

 

ปัจจุบันงานของเธอวางขายอยู่ที่ TCDC Shop, ECO Shop, Museum Siam และร้าน Hallo nimman จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งปิ่นได้วางแผนไว้แล้วว่าต่อจากนี้จะทำการตลาดโดยออกบูธอย่างจริงจัง


รวมไอเดียทำธุรกิจ SMEs เงินล้าน

รวมธุรกิจดารา รวมธุรกิจไฮโซ

 

 

 

 

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook