สงกรานต์อัดความร้อน ปลุกตลาดแอร์ให้ระเบิด
อากาศร้อนๆ ในช่วงหยุดยาวของเทศกาลสงกรานต์นี้ เชื่อว่าหลายคนมีวิธีคลายร้อนกันหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะไปเล่นน้ำตามสถานที่ต่างๆ กินน้ำหวานน้ำแข็งใสดับร้อน หรือบางคนถึงกับหนีร้อนมาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า แต่ก็มีกลุ่มคนบางส่วนตัดสินใจเปิดแอร์อยู่บ้านเพลินๆ เพราะไม่อยากตัวเปียกหรือไปเผชิญความร้อนที่ไหน ซึ่งสินค้าเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ ก็เป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับความนิยมในช่วงหน้าร้อนค่อนข้างมาก หลายแบรนด์เองก็นวัตกรรมหลากหลาย แถมมีโปรโมชั่นหวังพิชิตใจลูกค้าและสร้างยอดขายไปพร้อมๆ กัน
รู้หรือไม่ว่าตอนนี้ใครเป็นเจ้าตลาดสำหรับเครื่องปรับอากาศในเมืองไทย? Sanook! Money ได้รวบรวมข้อมูลดีๆ ที่จะช่วยให้คุณรู้แล้วถึงกับหายร้อนได้เลยทีเดียว
สำหรับเจ้าตลาดเครื่องปรับอากาศในไทยตอนนี้ ได้แก่ มิตซูบิชิ รองลงมาเป็น ไดกิ้น และพานาโซนิค ตามลำดับ
ซึ่งทั้ง 3 แบรนด์นี้ล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์ที่คนไทยติดหูกันเป็นอย่างดีหากพูดถึงเรื่องแอร์
โดยเครื่องปรับอากาศถือเป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ช่วยทำให้บริษัททั้ง 3 แห่งมีรายได้ระดับพันล้านถึงหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า บริษัททั้ง 3 แห่งมีผลประกอบการดังนี้
บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด ดำเนินธุรกิจการขายส่งเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ชนิดใช้ในครัวเรือน ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 120 ล้านบาท มีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้
- ปี 2559 รายได้ 13,088 ล้านบาท กำไร 347 ล้านบาท
- ปี 2560 รายได้ 13,396 ล้านบาท กำไร 315 ล้านบาท
- ปี 2561 รายได้ 10,987 ล้านบาท กำไร 129 ล้านบาท
บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจขายส่งเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ชนิดใช้ในครัวเรือน ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท มีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้
- ปี 2559 รายได้ 7,433 ล้านบาท กำไร 223 ล้านบาท
- ปี 2560 รายได้ 8,644 ล้านบาท กำไร 311 ล้านบาท
- ปี 2561 รายได้ 8,408 ล้านบาท กำไร 248 ล้านบาท
บริษัท พานาโซนิค แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจขายส่งอุปกรณ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 41 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้
- ปี 2559 รายได้ 6,013 ล้านบาท กำไร 81 ล้านบาท
- ปี 2560 รายได้ 5,737 ล้านบาท กำไร 44 ล้านบาท
- ปี 2561 รายได้ 6,703 ล้านบาท กำไร 41 ล้านบาท
สำหรับมูลค่าตลาดเครื่องปรับอากาศ (แอร์) ของปี 2561 อยู่ที่ 24,461 ล้านบาท หรือราว 1.4 ล้านเครื่องในปัจจุบัน เรียกว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันเครื่องปรับอากาศสมัยนี้อาจจะไม่ได้แข่งกันที่เรื่องราคา หรือความประหยัดในการใช้พลังงานแต่อย่างเดียว การใช้เทคโนโลยี หรือนวัตกรรมต่างๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การออกแบบที่ทันสมัยดีไซน์โฉบเฉี่ยว หรือระบบที่ช่วยส่งสัญญาณเตือนการล้างแอร์ผ่านหน้าจอ เป็นต้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน
สิ่งเหล่านี้คือความคุ้มค่าที่ผู้บริโภคกำลังมองหาและต้องการอยู่นั่นเอง