หักดังเป๊าะ! BEAUTY นางฟ้าปีกหักแห่งปี 2561

หักดังเป๊าะ! BEAUTY นางฟ้าปีกหักแห่งปี 2561

หักดังเป๊าะ! BEAUTY นางฟ้าปีกหักแห่งปี 2561
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฉบับย่อ

  • หุ้น BEAUTY ของบริษั​ท​ บิวตี้​ คอมมูนิตี้​ จำกัด (มหาชน)​ นับเป็นหุ้นเติบโตที่โด่งดังตัวนึง​ เพราะราคาเพิ่มจากตอนเปิดจอง ​IPO ​ที่​ 8​ บาท​ มาสูงสุดที่70​ บาท​ ก่อนที่จะถูกเทขายลงจนราคาติดฟลอร์
  • สาเหตุของการถูกเทขายหลักๆ​มาจากรายได้และกำไรที่ลดลง​ของบริษั​ท​ ซึ่งไม่สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของนักลงทุนที่ให้ค่าหุ้นเติบโตตัวนี้มาก​ จนมีค่า P/E สูงแตะ​ 54​ เท่า
  • บิวตี้มีเป้าหมายจะทำให้รายได้จากต่างประเทศ​สูงถึง​ 50% (จากปัจจุบันที่ประมาณ​ 20%) และมุ่งขายสินค้าทั้งทางช่องทางออนไลน์​และออฟไลน์​

ถ้าพูดถึงหุ้นโหดแบบที่ขึ้นจนหน้ามืดและก็ลง​จนต้องร้องขอชีวิต​ ไม่ว่าสำนักไหนพี่่ทุยมั่นใจว่าหุ้น BEAUTY ของ บริษั​ท​ บิวตี้​ คอมมูนิตี้​ จำกัด (มหาชน)​ ต้องติดโผอย่างแน่นอน​ ยิ่งพอดูราคาหุ้นประกอบแล้ว​ ​พี่ทุยก็​รู้สึก​กลัวเลยทีเดียว

597439

เพราะราคาเค้าวิ่งมาจากราคา IPO ถึง​ 23.9 เท่า​ จากเมื่อตอน IPO ที่​ 8​ บาทต่อหุ้น​เป็น​ 23.70 บาท เมื่อวันที่​ 30​ เมษายน​ 2561​ ก่อนจะถลาลงมาทำจุดต่ำสุดเมื่อวันที่​ 5 กรกฎาคม​ 2561​ ที่ราคา​ 6.45 บาท​ เท่ากับ​ว่าหุ้นเติบโต​ตัวนี้ค่อยๆขึ้นเหมือนเราค่อยๆขับรถขึ้นเขา​และ​ใช้เวลาถึง​ 5 ปีกว่าจะถึงจุดหมาย​ แต่ลงอย่างรวดเร็วเหมือนนางฟ้าปีกหักโดยใช้เวลาเพียงแค่​ 2 เดือนเศษๆ​ เท่านั้นเอง

ทำไมก่อนหน้านี้​ราคาหุ้นถึงขึ้นสูงได้ขนาดนั้น ?

2-3​ ปีก่อนหน้านี้​ ไม่ว่าใครก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า​ หุ้น BEAUTY เป็นหุ้นเติบโต​ ทั้งรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นในทุกๆ​ ไตรมาส​ จากรายได้​ 777.50 ล้านบาทในปี​ 2555 กลายเป็น​ 3,792 ล้านบาทในปี​ 2561​ คิดเป็นการเติบโตของรายได้ถึง​ 487% แต่กำไรกลับฟินกว่านั้น เพราะเติบโตจาก​ 173.70 ล้านบาทเป็น​ 1,156​ ล้านบาท​ คิดเป็น​ 665%

เหตุผลที่บริษัทสร้างกำไรได้สูง​ น่าจะเป็นผลมาจากการบริหารต้นทุนได้ดี​ เน้นการเช่าพื้นที่ในการขยายสาขาโดยไม่ซื้อ​พื้นที่ ถ้าทำเลนั้นๆ​ไม่เวิร์ค​ ขายไม่ได้ตามเป้าแล้วก็แค่เปลี่ยนที่เช่าใหม่​ สินค้าทุกชนิดของเค้าก็จ้างผลิตทั้งหมด​ ถ้าสินค้าตัวไหนขายไม่ดีหรืออยากจะปรับเปลี่ยน​ก็แค่สั่งโรงงานให้เลิกผลิต​หรือจะเปลี่ยนโรงงานก็ยังได้ ไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องการมีโรงงานของตัวเอง นอกจากนี้​เวลาเค้าจะส่งสินค้าไปขายต่างประเทศ​ก็มีการทำประกันค่าเงินไว้เป็นอย่างดี​ พอควบคุมต้นทุนได้​ กำไรส่วนต่างก็งอกเงยนั่นเอง

ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้นักลงทุนก็เปิดไฟเขียวให้หุ้นที่มีพื้นฐาน​กิจการที่เติบโตขนาดนี้และตอบสนองด้วยราคาหุ้นที่พุ่งสูงจนสัดส่วนราคาต่อหุ้น (P/E​ Ratio) พุ่งขึ้นสูงแตะ​ 54 เท่า !

สัดส่วนค่า​ P/E​ นี้บอกเล่าได้ดีว่านักลงทุน​มีความคาดหวังต่อการเติบโตของหุ้นมากๆ​ เพราะแปลได้ว่านักลงทุนยอมจ่ายเพื่อให้ได้หุ้นที่จะสร้างกำไรให้คุ้มทุนในระยะเวลา​ประมาณ​ 54​ ปี​ ซึ่งเป็นความคาดหวังที่สูงจนหนักอึ้ง​

แน่นอนว่า​ ความคาดหวังสูงย่อมทำให้คิดว่าทุกอย่างสวยงามไปหมด​ จนเหมือนมีผ้าบางๆ​มาบังตาทำให้เรามองไม่เห็นบางอย่าง​ พูดง่ายๆ​ว่าเหมือนตอนเวลาที่ความรักบังตา​ มองอะไรก็สวยงามไปหมดไงล่ะ​ (ฮือ) น้ำตานอง

หุ้น BEAUTY ก็เช่นกัน​ เพราะเมื่อ​ นพ.สุวิน ผู้บริหารออกมากระซิบว่า​ รายได้ของไตรมาสนี้จะหดตัว​ หุ้นก็ถูกเทขายลงมาอย่างโหดร้าย​ เหมือนลืมภาพดีๆ​ที่เคยมีมาด้วยกันก่อนหน้านี้จน​หมดสิ้น​ (ฮืออีกรอบนึง)

122254

รายได้รวมของ BEAUTY สูงขึ้นเรื่อย​ๆ​ตลอดจนมาสะดุดที่ปี​ 2561​ บริษัท​แจ้งว่า​เป็นผลมาจากการที่รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนลดลง (จากเหตุการณ์​เรือล่มที่ภูเก็ต) ​และเมื่อช่วงปี​ 2561​ มีการตรวจจับเรื่อง​ อย.​ เครื่องสำอางเข้ม​ ซึ่งแม้สินค้าของทางบิวตี้จะได้มาตรฐาน​ แต่​ตลาดเครื่องสำอางโดยรวมก็ซบเซาไปด้วย​ รายได้เลยหดตัวลง

335693

และกำไรของบริษัทก็หดตัวลงเช่นกันในปี 2561

717893

อัตราส่วน​กำไรต่อหุ้น (EPS)​ ก็ลดลงในปี 2561​ ซึ่งสำหรับหุ้นเติบโตอย่างบิวตี้แล้ว​ นี่ถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายมากๆ​

เพราะฉะนั้น​ลองอ่านพื้นฐาน​กิจการกันให้ดีๆ​นะ​ ว่านักลงทุน​มีความคาดหวังสูงจนมี​อัตราส่วน P/E​ สูงลิ่วและโครงการ​ในอนาคตดูดี​ มีความหวังที่จะทำให้​กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อย​ๆและ​ P/E​ ลดลงได้มั้ย​ จะได้ไม่ต้องลุกช้าจ่ายรอบวงเหมือนคนเปย์น้องสวยปีก่อนนะ นักลงทุนแนว​วีไอหลายคนจะหลีกเลี่ยงหุ้นที่มีค่า P/E สูง​ เพราะเหมือนเรากำลังเล่นอยู่กับราคาอนาคต​ อันนี้แล้วแต่ไลฟ์สไตล์​การลงทุนของแต่ละคนเลย

ธุรกิจในเครือบริษัท​บิวตี้มีอยู่ด้วยกันหลายร้าน​ ได้แก่​ Beauty Buffet, Beauty Cottage, Beauty Market, Made In Nature และ​ Beauty Plaza ซึ่ง​แต่ละร้านก็มีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป​ เช่น​ Beauty Cottageจะเน้นกลุ่มลูกค้า​ที่เป็นวัยทำงานและเน้นบำรุงมากกว่า​ Beauty Buffet ที่จะเน้นกลุ่มลูกค้าตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นตอนต้น​ เลยออกแบบผลิตภัณฑ์​ให้เล่นสีสันและมีราคาถูกกว่า​ วัยรุ่นจะได้หยิบซื้อได้ง่าย​ ไม่ต้องคิดเยอะ

พี่ทุยขอชวนคิดนิดนึงว่า​ เนื่องจากสินค้าประเภทนี้​ เป็นสินค้าที่มีวงจรชีวิต​สั้น​ มาเร็วไปเร็ว​ วันนี้สาวๆ​อาจจะชอบครีมเมือกหอยทาก​ แต่ใครจะไปรู้ว่าพรุ่งนี้​เค้าอาจจะเปลี่ยนไปชอบครีม​น้ำลายจระเข้ก็ได้นะ เพราะฉะนั้นเราควรสังเกตวิธีจัดการกับสินค้าคงคลังของเค้าด้วย

BEAUTY ยังสวยอยู่มั้ย​ อนาคตเค้ามีแผนยังไงบ้าง ?

479108

จะเห็นได้ว่าร้าน​ Beauty Buffet ทำรายได้ได้มากที่สุด​ และมีสัดส่วนการขายในต่างประเทศ​สูงถึง​ 20% ซึ่งก็คือการขยายสาขาในประเทศ​ CLMV (ปัจจุบัน​มีอยู่​ 10 สาขาแล้ว)​ บริษัท​ตั้งเป้าว่าอยากผลักดันในส่วนรายได้จากต่างประเทศ​ตรงนี้ให้เป็น 50% ของรายได้รวมภายในปี​ 2565 โดยจะเพิ่มการขายทั้งช่องทางออนไลน์​และออฟไลน์ (เรียกว่า​มุ่งหน้าขายแบบ​ Omni-Channel)​ เช่น​ การทำ​ e-Commerce ขายสินค้าให้จีนโดยตรง

ก็คงต้องดูกันต่อไป​ว่า​ การแต่งหน้าในครั้งนี้​ บิวตี้จะ​ออกมาสวยอย่างที่วางเป้าไว้มั้ย ​และรับมือกับปัญหาเดิมที่เคยเกิดขึ้นได้ดีแค่ไหน​ ซึ่งก็คือ​ การพึ่งพา​ลูกค้า​กลุ่มใดกลุ่ม​หนึ่ง​มากเกินไป​ ในที่นี้ก็คือ คนจีน​ พอนักท่องเที่ยว​จีนลดลง​ รายได้ก็เลยลดลงอย่างปีที่แล้ว​ และตอนนี้​บริษัท​ก็กำลังจะมุ่งพึ่งพารายได้จากต่างประเทศมากถึงครึ่งหนึ่ง​ของรายได้ทั้งหมด การพึ่งพาปัจจัยภายนอกมากมายขนาดนั้นเป็นเรื่องที่น่าคิดไม่น้อยเลย​ เอาเป็นว่าเราคงจะต้องมองกันยาวๆเลยแหละสำหรับในกรณีนี้

เห็นมั้ยว่าการกระจายความเสี่ยงสำคัญ​เป็นเรื่อง​ที่สำคัญ​มาก​ แม้แต่บริษัท​ใหญ่ๆ​ยังต้องทำการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนหรือการทำธุรกิจ​ของตัวเองเลย​ เพราะเวลามีปัจจัยหนึ่ง​มากระทบ​สินทรัพย์​บางชนิด​ ถ้าเรามีสินทรัพย์​ที่แตกต่าง​ เค้าก็จะไม่ได้รับผลกระทบและพอร์ต​ของเราก็จะได้ไปต่อนั่นเอง​ จิ้งจกร้องทัก​เรายังฟัง​ นี่พี่ทุยร้องทักแล้ว​ อย่าลืมไปตรวจสุขภาพหุ้นในพอร์ต​กันดีๆ​นะ​

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook