เมื่อ Index Living Mall เข้าตลาดหุ้น
ฉบับย่อ
- หุ้น ILM หรือ Index Living Mall กำลังจะเปิดขาย IPO ให้เราได้เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าเฟอร์นิเจอร์ภายในไตรมาส 3 ปี 2562
- นอกจากจะมีรายได้หลักจากการขายเฟอร์นิเจอร์และของตกเเต่งบ้านเเล้ว Index Living Mall ยังเปิดให้เช่าพื้นที่ด้วย เช่น The Walk, Little Walk ซึ่งผู้เช่าก็เป็นเเบรนด์ที่เรารู้จักกันดี เช่น Starbucks, Uniquo เป็นต้น
- ธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์และของตกเเต่งบ้านค่อนข้างมีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถ้าตลาดไหนซบเซา ก็ย่อมส่งผลกระทบถึงอีกตลาดด้วย
- ในธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์ มีการแข่งขันค่อนข้างสูงและมีร้านของรายย่อยมากถึง 70%
ช่วงนี้ธุรกิจใหม่ๆ พากันเข้าแถวรอจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ให้เราเลือกช็อปกันมากมายเหลือเกิน หุ้นอีกตัวหนึ่งที่จะมาเป็นพระเอกของเราในวันนี้ก็เป็นธุรกิจที่ติดหูเราเป็นอย่างดี ซึ่งคือหุ้น ILM หรือ Index Living Mall และกำลังยื่นเอกสารไฟลิ่ง (Filling) เพื่อเข้า IPO
รายละเอียดคร่าว ๆ ก็คือ หุ้น ILM ตัวนี้กำลังจะจดทะเบียนเข้าตลาดทั้งหมด 505 ล้านหุ้น ในราคาพาร์ละ 5 บาท และแบ่งออกมาขาย IPO ให้นักลงทุนทั่วไป 20.79% หรือคิดเป็น 105 ล้านบาท ซึ่งการเอาบริษัทเข้าตลาดหุ้นในครั้งนี้ก็เพราะต้องการเงินทุนมาขยับขยายสาขา ต่อยอดโครงการที่ดูมีแววรุ่ง และชำระเงินกู้ยืมบางส่วน
แล้วกิจการของ ILM น่าลงทุนมั้ย ?
ถ้าพูดถึงร้านที่ขายเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านเเละคอนโด อันดับแรกที่เรานึกถึง คงหนีไม่พ้น Index Living Mall แน่ ๆ เพราะถือว่ายืนหนึ่งในเรื่องนี้จริงๆ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท สูงเป็นอันดับ 1 หรือมากกว่า 20% แซงหน้าพี่ใหญ่อินเตอร์อย่าง IKEA ไปได้ ปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 36 สาขาทั่วประเทศ และยังมีอีก 17 สาขาในต่างประเทศ
หากเราจะเรียกกิจการของเค้าว่า ‘ร้าน’ คงจะไม่ถูกนัก เพราะ Index Living Mall หลายสาขามีขนาดใหญ่และมีร้านค้าอื่น ๆ มากมาย เช่น ร้านเบเกอรี่ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือเครื่องประดับด้วย เพราะฉะนั้นเค้าน่าจะถูกจัดเป็น “ห้างสรรพสินค้า” หรือ “Mall” ตามชื่อมากกว่า
รายได้ของ Index Living Mall
- ปี 2558
มีรายได้ 9,165.8 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 652.5 ล้านบาท - ปี 2559
มีรายได้ 9,362.3 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 489.9 ล้านบาท - ปี 2560
มีรายได้ 9,366.2 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 497 ล้านบาท - ปี 2561
มีรายได้ 9,658 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 431 ล้านบาท
รายได้หลักของเค้ามาจากธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์มากถึง 77% และรายได้ส่วนนี้เกือบทั้งหมดก็มาจากการขายเฟอร์นิเจอร์ภายใต้เเบรนด์ Index Living Mall เมื่อดูเฉพาะส่วน Index Living Mall แล้ว พี่ทุยขอให้คำจำกัดความว่า “บริการทุกระดับ ประทับใจ” เพราะเค้ามีสินค้าหลากหลายไว้ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ได้แก่
- Momentous ก็จะเจาะไปที่ลูกค้า Ultra Luxury สินค้าก็จะเป็นสไตล์อเมริกัน แต่จะหรูหราพารากอนสุดๆ
- Boconcecpt เจาะกลุ่มลูกค้า Premium สินค้าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์สไตล์เดนีชนำเข้า
- Trend Design สินค้าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นอิตาเลียนเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่ม Premium Mass
- สุดท้ายคือ Index Living Mall ที่เรารู้จักกันดีที่สุด จะเน้นทำกำการตลาดให้คนเข้าถึงได้ง่ายและ Mass
แต่นอกจากธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์ที่เค้ากินหัวหาดอยู่แล้ว Index Living Mall ก็ยังมีรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ด้วยนะ ซึ่งก็คือ The Walk, Little Walk แม้รายได้จากส่วนนี้ยังจัดเป็นส่วนเล็ก เพียงเเค่ 5.2% ของรายได้ทั้งหมดเท่านั้น (ข้อมูลในไตรมาสที่ 1/2562 นี้) ข่าวดีก็คือ ค่าเช่าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอดตามกาลเวลา เพราะฉะนั้นรายได้ส่วนนี้น่าจะมีส่วนช่วยในงบการเงินรวมดูดีขึ้นได้ แม้ตลาดธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกเเต่งจะไม่ค่อยโตก็ตาม
เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งหาวกัน ประเด็นทั้งหมดที่เล่าไปเป็นแค่การแนะนำให้รู้จักกับบริษัทคร่าว ๆ เท่านั้น จิบกาแฟแก้ง่วงกันก่อน เเล้วเขยิบมาใกล้ ๆ พี่ทุยจะเล่าให้ฟังต่อ..เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่เราควรพิจารณาก่อนจะเข้าลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์หรือของตกแต่งบ้านและคอนโด
ธุรกิจบางประเภทเป็นธุรกิจที่ต้องพึ่งพาธุรกิจอื่น
อธิบายง่ายๆ เหมือนที่เราเคยเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์ตอนประถมความสัมพันธ์แบบนี้ เค้าจะเรียกว่า “ภาวะได้ประโยชน์ร่วมกัน (Protocooperation)” เช่น แมลงกับดอกไม้ที่แมลงเองก็ได้อิ่มอร่อยจากน้ำหวานของดอกไม้ส่วนดอกไม้เองก็ได้ประโยชน์จากการที่แมลงมาช่วยผสมเกสรให้จึงแพร่พันธุ์ได้ดีขึ้น
ธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นความสัมพันธ์แบบนี้เช่นกัน ถ้าช่วงไหนที่ตลาดบ้านและคอนโดซบเซา เค้าก็จะมียอดขายแย่ไปด้วย เพราะคนที่มีบ้านอยู่แล้ว คงไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์กันทุกเดือนแบบว่าตู้เสื้อผ้าหรือโซฟามันพังกันทุกเดือนซ่ะเมื่อไหร่ล่ะ จริงมั้ย (ฮ่า)
ส่วนธุรกิจอสังหาฯเองก็พึ่งพาธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในการทำให้ยอดซื้อบ้านเเละคอนโดของตัวเองกระเตื้องขึ้นอยู่เหมือนกัน คงเคยได้ยินคำโฆษณาประเภท “บ้านพร้อมอยู่” หรือ “คอนโดตกแต่งพร้อม หิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย” ซึ่งการมีโปรโมชั่นยั่วใจอย่างนี้ น่าจะมีผลดึงดูดให้คนเข้ามาจับจองโครงการของเค้ามากขึ้น ดังนั้น ถ้าคิดอยากลงทุนในธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน เราควรดูแนวโน้มของตลาดอสังหาฯ ซึ่งตลาดอสังหาฯจะดีหรือไม่ ก็มีปัจจัยเฉพาะตัวของตัวเองเช่นเดียวกัน เช่น อัตราดอกเบี้ย การปล่อยกู้ของธนาคาร นโยบายต่างๆ อะไรอย่างนี้
มีรายย่อยอยู่มากมายในธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์
ถ้าเราขับรถไปแถวบ้าน เราจะเจอคู่เเข่งที่เป็นร้านรายย่อยของเค้าเต็มไปหมด นอกจากนี้ยังมีการจัดงานมหกรรมสินค้าตกแต่งบ้านอยู่บ่อยครั้ง แม้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักฝีมือของผู้ต้องขังกรมราชทัณฑ์ยังจัดเป็นคู่แข่งของเค้าเลย ถ้าแบ่งเป็น 100% ร้านเฟอร์นิเจอร์รายย่อยจะกินไป 70% ของตลาด ในขณะที่ร้านโมเดิร์นเทรดเหล่านี้ เป็นสัดส่วนเเค่เพียง 30% เท่านั้น
พี่ทุยเลยมองว่า สินค้าประเภทนี้ต้องมีความแข็งแกร่งของเเบรนด์มากพอที่จะแข่งขันกับรายย่อย เช่น ถ้าเราอยากโต๊ะตัวนึง ขายใน Index Living Mall ราคา 5,000 บาท แต่ขายที่ร้านรายย่อย เหมือนกันเป๊ะที่ราคา 3,000 บาท เราก็คงเลือกซื้อที่ร้านรายย่อย แต่ถ้าเกิดสินค้ามีความแตกต่าง เช่น วัสดุดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด โต๊ะมีลูกเล่น ทำให้ใช้งานได้มากกว่า หรือแบรนด์สามารถสร้างการรับรู้และจดจำให้กับผู้บริโภคได้ว่า การที่เค้ายอมจ่ายเงินมากกว่าและซื้อโต๊ะตัวนี้ไปใช้ จะทำให้เค้าดูดี มีรสนิยมมากกว่า ก็ย่อมจะทำให้ผู้บริโภคยอมควักกระเป๋าจ่ายได้ แล้วเรื่องแบรนด์แข็งแกร่งในตอนนี้ เค้าก็ทำได้ดี จึงได้ขึ้นเเท่นเป็นอันดับ 1 ในตลาดเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน นอกจากนี้ยังมีบริการ “Younique” ที่เปิดให้สั่งเฟอร์นิเจอร์สั่งตัดได้ด้วยอีกต่างหาก แว่วๆ มาว่าตัวเลขกำไรสวยงามมากเลยทีเดียวนะ
เอาเป็นว่า ถ้าใครอยากได้หุ้น IPO ของ Index Living Mall ก็อย่าลืมอ้อนมาร์ไว้ล่ะ (อิอิ) เรื่องที่พี่ทุยเล่าในบทความอาจจะยาวไปและดูยุ่งยากไปนิดนึงนะ แต่ท่องเอาไว้คิดจะจับเสือ ก่อนจะเข้าถ้ำเสือ ก็ควรมีอาวุธสำรวจพื้นที่และมีแผนรับมือ ไม่งั้นเดี๋ยวโดนเสือเขมือบเอา พี่ทุยไม่รู้ด้วยนะ