เสริมสุข หลังเลิกสัญญาเป๊ปซี่ ขาดทุนนับร้อยล้าน

เสริมสุข หลังเลิกสัญญาเป๊ปซี่ ขาดทุนนับร้อยล้าน

เสริมสุข หลังเลิกสัญญาเป๊ปซี่ ขาดทุนนับร้อยล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บริษัท เสริมสุข จากัด (มหาชน) หรือ SSC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯถึงผลการดำเนินงานสาหรับงวดสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555

มีผลขาดทุนสุทธิแสดงไว้ในงบการเงินรวม เป็นจำนวนเงิน 120.8 ล้านบาทลดลงเป็นจานวนเงิน 223.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 217.8 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยการเปลี่ยนแปลงที่เป็นสาระสาคัญมีดังต่อไปนี้

1.รายได้เพิ่มขึ้น 337.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.0 จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขาย

2.ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 520.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.5 ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้อัตราการเพิ่มขึ้นของต้นทุนขายสูงกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้คือ การบันทึกค่าเผื่อการลดมูลค่าขวดแก้วที่ไม่สามารถนำมาใช้งานได้ เป็นจำนวนเงิน 478.0 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกระทบจากการสิ้นสุดสัญญา Exclusive Bottling Appointment (EBA) ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555

3.ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 90.0 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 9.0 ส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพิ่มขึ้น

4.ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 68.8 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการรับรู้รายได้เงินชดเชยค่าประกันภัยน้ำท่วม


ทั้งนี้หากไม่รวมผลกระทบจากการบันทึกค่าเผื่อการลดมูลค่าขวดแก้วที่ไม่สามารถนำมาใช้งานได้ บริษัทจะมีกำไรสุทธิเป็นจำนวนเงิน 357.2 ล้านบาท

ผลการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 ดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเป็นจำนวนเงิน 0.45 บาท ลดลง 0.84 บาท เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีก่อน


ส่วนผลการดำเนินงานสำหรับงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 มีกำไรสุทธิแสดงไว้ในงบการเงินรวม เป็นจานวนเงิน 738.7 ล้านบาท

เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงิน 415.4 ล้านบาท หรือเพิ่มร้อยละ 128.5 เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยการเปลี่ยนแปลงที่เป็นสาระสำคัญมีดังต่อไปนี้

1.รายได้เพิ่มขึ้น 1,543.0 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 8.9 จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขาย

2.ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 1,157.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 8.4 ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้อัตราการเพิ่มขึ้นของต้นทุนขายน้อยกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้คือ สัดส่วนการขายแต่ละผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันและราคาหัวน้ำเชื้อที่ลดลง

ทั้งที่ได้บันทึกค่าเผื่อการลดมูลค่าขวดแก้วที่ไม่สามารถนำมาใช้งานได้แล้วเป็นจำนวนเงิน 478.0 ล้านบาท อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการสิ้นสุดสัญญา Exclusive Bottling Appointment (EBA) ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555

3.ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 74.9 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 2.4 จากมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

4.ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 125.7 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการรับรู้รายได้เงินชดเชยค่าประกันภัยน้าท่วม

ทั้งนี้หากไม่รวมผลกระทบจากการบันทึกค่าเผื่อการลดมูลค่าขวดแก้วที่ไม่สามารถนามาใช้งานได้ บริษัทจะมีกำไรสุทธิเป็นจานวนเงิน 1,216.7 ล้านบาท

ผลการดำเนินงานสาหรับงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 ดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรต่อหุ้นขั้น พื้นฐานเป็นจำนวนเงิน 2.78 บาท เพิ่มขึ้น 1.56 บาท เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปีก่อน

 

ขอบคุณภาพ facebook est 

 

น้ำอัดลม Est ที่กำลังจะมาแทน เป๊ปซี่
เป๊ปซี่ ไม่ยอมแพ้ ทุ่มหมื่นล้าน สร้างโรงงานในไทย
ไอเท็มฮิต !! สะสมขวดแก้วเป๊ปซี่

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook