สรรพากรชวนบริจาคเพื่อการศึกษาและกีฬา ลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 เท่า
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานเปิดงานเสวนาพิเศษในหัวข้อ "รวมพลังกำลัง 2 เพื่อการศึกษาและกีฬา"
ณ ห้องพระอุเทน 1 กรมสรรพากร ซึ่งมีผู้เสวนาประกอบด้วย ดร.สาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และนายสุรพันธ์ ภาษิตนิรันดร์ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ จำกัด (มหาชน) โดยมีผู้บริหารของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมฟังกว่า 500 คน
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า "รัฐบาล มีนโยบายส่งเสริมการศึกษาและการกีฬา และมีมาตรการภาษีให้สิทธิประโยชน์พิเศษแก่เอกชนที่ช่วยเหลือสังคมโดยการบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษาและการกีฬา
ให้ใช้สิทธิได้ 2 เท่าของเงินที่บริจาค ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2555 เห็นชอบกับมาตรการนี้แล้ว สิทธิประโยชน์พิเศษนี้ จะมีผลกับการบริจาคในช่วงปี 2556 - 2558 และจะได้มีการทบทวนผลของมาตรการต่อไป
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า โดยทั่วไปผู้ที่บริจาคเพื่อการศึกษาสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าอยู่แล้ว แต่จะมีเงื่อนไขว่าจะต้องบริจาคเพื่อสร้างอาคาร จัดหาอุปกรณ์การศึกษา จัดหาครูอาจารย์หรือเป็นทุนนักเรียนเท่านั้น ไม่ครอบคลุมถึงการบริจาคในกรณีอื่นๆ เช่น การบริจาคเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้แก่ครู
ส่วนการบริจาคเพื่อการกีฬานั้น เดิมหักได้เท่าเดียว ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงได้เสนอให้ใช้สิทธิได้ 2 เท่า และตัดเงื่อนไขด้านวัตถุประสงค์การบริจาคออก เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและกระตุ้นให้มีการบริจาคมากขึ้น
โดยบุคคลธรรมดาสามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของเงินที่บริจาค แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้สุทธิ ส่วนบริษัทจะสามารถบริจาคเงินหรือทรัพย์สินก็ได้ และตัดรายจ่ายได้ 2 เท่า แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ