กฟผ.วอนหาทางออกพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่
นายพงษ์ดิษฐ พจนา รองผู้ว่าการกิจการสังคมการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะ โฆษก กฟผ. เปิดเผยว่า จากสถานการณ์วาล์วก๊าซบ้านอีต่อง จ.กาญจนบุรี ที่รับก๊าซจากประเทศพม่า เกิดปัญหาขัดข้องเมื่อวานนี้ ทำให้ประเทศไทย ไม่สามารถรับจ่ายก๊าซธรรมชาติจากพม่า ในอัตรา 1,100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันได้ และส่งผลให้โรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติฝั่งตะวันตก กำลังการผลิตไฟฟ้า รวมประมาณ 5,000 เมกะวัตต์ ต้องหยุดเดินเครื่องชั่วคราว ทั้งนี้ กฟผ. ได้แก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ด้วยการสั่งเดินเครื่องนำมันเตาจากโรงไฟฟ้าราชบุรีทดแทน จึงไม่ส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าของประเทศและจนถึงกระทั้ง ท่อก๊าซธรรมชาติของพม่ากลับมาส่งก๊าซได้ตามปกติ ในช่วงบ่ายของวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมาอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ กฟผ. จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ แต่การพึ่งพาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเป็นปัจจัยเสี่ยงและการใช้น้ำมันเตาแทน ก็มีต้นทุนสูง ซึ่งทางออกของประเทศไทยจำเป็นต้องกระจายแหล่งเชื้อเพลิง จึงวอนให้ทุกฝ่ายตระหนักในเรื่องนี้และเร่งการพัฒนาโรงไฟฟ้าใหม่ในประเทศ โดยการแสวงหาเชื้อเพลิงทางเลือกอื่นทดแทนก๊าซธรรมชาติ เพราะการก่อสร้างโรงไฟฟ้าต้องใช้เวลา 5 - 6 ปี