ชี้เสื้อแดงทำภาพลักษณ์ไทยย่อยยับ คาดศก.เสียหายแสนล.

ชี้เสื้อแดงทำภาพลักษณ์ไทยย่อยยับ คาดศก.เสียหายแสนล.

ชี้เสื้อแดงทำภาพลักษณ์ไทยย่อยยับ คาดศก.เสียหายแสนล.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การชุมนุมที่เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มเสื้อแดงกับเสื้อน้ำเงิน ที่พัทยา ในช่วงเช้าวันนี้ (11 เม.ย.) ต่อมากลุ่มเสื้อแดงสามารถเข้าไปยึดสถานที่ประชุมภายในบริเวณโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา จนทำให้นายกรัฐมนตรีต้องประกาศ พ.ร.ก.ภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความเรียบร้อยนั้น

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การที่ กลุ่มเสื้อแดง เข้าไปยึดสถานที่จัดประชุมภายในโรงแรม ถือว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวโลกอย่างมาก เพราะเหตุการณ์ยึดสถานที่ประชุม ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้นต่อประเทศที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมตามกรอบต่าง ๆ มาก่อน ทำให้ประเทศไทยเสียภาพลักษณ์ และจะถูกมองว่าเป็นประเทศไม่มีความปลอดภัย มีความเสี่ยงสูง ซึ่งจะกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในขณะนี้อย่างมาก และจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ กระทบต่อบรรยากาศการค้าและการลงทุน เพราะหลายประเทศจะไม่มั่นใจถึงความปลอดภัยที่จะเข้ามาทำการค้าและการลงทุนกับประเทศไทย

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า จากการที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ หากสถานการณ์ทางการเมืองไม่รุนแรงมาก เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะติดลบเพียงร้อยละ 2-3 และเศรษฐกิจจะดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 แต่หากเหตุการณ์ชุมนุมยืดเยื้อและเกิดการปะทะ รวมถึงได้มีการประกาศ พ.ร.ก.ภาวะฉุกเฉิน จะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ติดลบเพิ่มขึ้น เป็นร้อยละ 4-5 หากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมและให้ทุกอย่างกลับมาดีได้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจในปีนี้ติดลบมากกว่านี้ได้ และน่าจะกลับมาดีขึ้นได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 53

"นับเป็นเม็ดเงินที่ไทยจะต้องสูญเสียในเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นถึง 1 แสนล้านบาท ดังนั้น สิ่งที่อยากเรียกร้องอยากให้ทุกฝ่ายควรหันเจรจาด้วยเหตุด้วยผล" นายธนวรรธน์ กล่าว

ด้านนายบัณฑูร วงศ์สีลโชติ ประธานคณะอนุกรรมการประเด็นทางการค้า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ แม้ว่าจะมีผลกระทบในด้านลบ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นของนักลงทุนชาวต่างชาติ และต้องการให้รัฐบาลมีความเด็ดขาดในการบังคับใช้กฎหมาย ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้

กรณีเลื่อน การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน บวก 3 และ 6 ออกไปอย่างไม่มีกำหนดนั้น นายบัณฑูร กล่าวว่า จะทำให้ไทยขาดการพัฒนาเศรษฐกิจ และทำให้โอกาสที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวต้องเลื่อนออกไปอีก ที่สำคัญทำให้นักลงทุนหันไปประเทศอื่นหมด เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์หันไปมาเลเซีย ส่วนอุตสาหกรรมอื่นๆ ก็ไปเวียดนามแทน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook